จดหมายถึงบรรณาธิการ

5652366

698745

ทางเลือกที่ทันสมัยในการฟื้นฟูและปกป้องการมองเห็นได้อย่างง่ายดายที่บ้าน — อีกตัวเลือกในการสนับสนุนการดูแลรักษาต้อเนื้อ ตาแห้ง โรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคตาอื่นๆ โดยไม่ต้องผ่าตัด

โรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น สายตาสั้น สายตาเอียง ตาแห้ง จุดภาพชัดเสื่อม ต้อหิน ต้อกระจก และต้อเนื้อ (มองตีนตะขาบ) เปรียบเสมือน “ฆาตกรเงียบ” หากไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที อาจลุกลามจนการมองเห็นเสื่อมถาวร

แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นวิธีใหม่ที่สามารถฟื้นฟูการมองเห็นและหยุดความเสื่อมของดวงตาได้ที่บ้าน โดยใช้ Vistorin ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม (HDO) ล่าสุด และมีงานวิจัยใหม่ยืนยันประสิทธิภาพในการปกป้องดวงตา และบำรุงสายตาอย่างล้ำลึก

นพ. อธิบดี วิริยะวงศ์ — นักจักษุแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการมองเห็นและการรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา

แล้วโรคดวงตาอย่างต้อเนื้อ ต้อกระจก ต้อหิน หรือจุดภาพชัดเสื่อม จะฟื้นฟูได้จริงหรือ โดยไม่ต้องผ่าตัด หรือใช้ยาหยอดตาตลอดชีวิต? คำตอบอาจว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ — แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมการแพทย์ไทยที่สามารถช่วยฟื้นฟูการมองเห็นและปกป้องสายตาได้จริง ด้วยสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ใน Vistorin — ทำให้คุณมองเห็นสุชภาพตาดีเหมือนเดิม

หากต้องการฟื้นฟูและดูแลสุขภาพดวงตาอย่างมีประสิทธิภาพ อันดับแรกเราจำเป็นต้องเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของโรคเกี่ยวกับดวงตาให้ถูกต้องและครบถ้วนก่อน

ในประเทศไทย หลายคนยังเชื่อว่าโรคตาเกิดจากพฤติกรรมไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น จ้องหน้าจอนาน พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือใส่แว่นตาไม่ถูกต้อง แม้ความเชื่อนี้ไม่ผิดทั้งหมด แต่ก็ไม่อธิบายได้ว่าทำไมบางคนยังมีสายตาดี ขณะที่บางคนกลับมีปัญหาการมองเห็นรุนแรง สิ่งนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องตั้งคำถามว่า: แล้วสาเหตุที่แท้จริงของโรคดวงตาคืออะไรกันแน่?

งานวิจัยทางการแพทย์สมัยใหม่จากมหาวิทยาลัยและสถาบันนักจักษุวิทยาชั้นนำในญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรป พบว่า ความเสื่อมและความเสียหายของหลอดเลือดฝอยและเซลล์จอประสาทตา คือปัจจัยหลักของโรคตาหลายชนิด — เช่น สายตาสั้น จุดภาพชัดเสื่อม ต้อหิน ต้อกระจก และต้อเนื้อ ที่เกิดจากการระคายเคืองสะสมจนเนื้อเยื่อแม้ขาดสาร ทำให้การไหลเวียนโลหิตและการแลกเปลี่ยนสารอาหารในดวงตาบกพร่อง

กลไกที่เงียบแต่แฝงไปด้วยอันตราย: ความเสื่อมของหลอดเลือดฝอยและจอประสาทตา

เมื่อหลอดเลือดฝอยในดวงตาเริ่มเสื่อมและเปราะบางมากขึ้น ผนังหลอดเลือดจะสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดความเสียหาย ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังจอประสาทตาถูกจำกัด
เมื่อเซลล์จอประสาทตาไม่ได้รับสารอาหารต่อเนื่อง จะเกิดความผิดปกติในการทำงานและนำไปสู่ภาวะตาบอด ตาแห้ง ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น เร่งการเสื่อมของจุดภาพชัด และกระตุ้นให้เกิดภาวะผิดปกติ เช่น ต้อเนื้อ ต้อลม ที่ค่อย ๆ ลามเข้าตาดำ ทำให้การมองเห็นน้อยลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

กระบวนการนี้มักไม่มีอาการที่ชัดเจนในระยะแรก ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญปัญหาดวงตา จนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง

อาการเตือนที่มักถูกมองข้าม
เมื่อโรคเริ่มพัฒนา อาจมีอาการบางอย่างปรากฏขึ้น เช่น:
→ สายตาพร่ามัว โดยเฉพาะเมื่อใช้งานหน้าจอนาน หรือในที่มีแสงน้อย
→ มองเห็นภาพแสง จุดระยิบระยับ หรือเห็นจุดดำลอยไปมา
→ เมื่อดวงตาล้า ดวงตาจะรู้สึกปวดหลังอ่านหนังสือหรือตอนขับรถ
→ ตาแห้ง ระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา
→ แพ้แสง หรือแสบตาเมื่อเจอแสงจ้า
→ เนื้องอกเล็ก ๆ สีชมพูบริเวณตาขาว ที่ค่อย ๆ ลามเข้าตาดำ (ต้อเนื้อ)

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาการเหล่านี้มักไม่เฉพาะเจาะจง หลายคนจึงคิดว่าเป็นเพียงความเหนื่อยล้าธรรมดา ส่งผลให้ตรวจพบโรคช้า และพลาด “ช่วงเวลาทอง” ของการรักษา

ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหากไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที
หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง โรคดวงตาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น:
→ ต้อเนื้อ: เนื้องอกค่อย ๆ ลามจากตาขาวเข้าสู่ตาดำ ทำให้ตาแดง ระคายเคือง และบดบังการมองเห็น หากปล่อยไว้นานอาจสูญเสียการมองเห็นได้
→ จุดภาพชัดเสื่อม (โรคจอประสาทตาเสื่อม): สูญเสียการมองเห็นบริเวณศูนย์กลางของภาพ มองใบหน้าและตัวหนังสือยากมาก
→ ต้อหิน (ความดันลูกตาสูง): ทำลายเส้นประสาทตา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวร
→ ต้อกระจก: ภาพมัว ๆ ขุ่น มองไม่ชัด
→ จอประสาทตาหลุดลอก: เสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นอย่างเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษา
→ ตาบอดถาวร: จากความเสียหายรุนแรงต่อจอประสาทตาและเส้นประสาทตา

ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต แต่ยังอาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว

โรคเกี่ยวกับดวงตาสามารถฟื้นฟูและดีขึ้นได้จริงหรือ? มุมมองเชิงลึกจากความก้าวหน้าทางการแพทย์สมัยใหม่

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะก่อนศตวรรษที่ 20 โรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น จุดภาพชัดเสื่อม ต้อหิน ต้อกระจก หรือแม้กระทั่งต้อเนื้อ มักถูกมองว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับจอประสาทตา เส้นประสาทตา และโครงสร้างภายในดวงตาเชื่อว่าไม่สามารถฟื้นฟูได้
แนวทางการรักษาในอดีตจึงเน้นไปที่การควบคุมอาการชะลอการเสื่อม และป้องกันภาวะแทรกซ้อน มากกว่าการฟื้นฟูโครงสร้างและการมองเห็นที่สูญเสียไปแล้วให้กลับคืนมาจริง ๆ

แนวคิดแบบดั้งเดิม: ต้องรักษาตลอดชีวิตและพึ่งพายาหยอดตา

ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น ต้อหิน จุดภาพชัดเสื่อม ตาแห้งเรื้อรัง หรือ ต้อเนื้อในระยะเริ่มต้น มักต้องใช้ยาหยอดตาหรือการรักษาแบบประคับประคองไปตลอดชีวิต
ยาเหล่านี้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม เช่น ยาลดความดันลูกตา ยาต้านการอักเสบ ยาบำรุงสายตา หรือวิตามินเสริมสำหรับดวงตา โดยมีกลไกแตกต่างกัน เช่น ลดความดันในลูกตา เพิ่มการไหลเวียนของของเหลว ลดการอักเสบ หรือบำรุงจอประสาทตา
อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้ไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุของโรค แต่เป็นเพียงการควบคุมอาการชั่วคราว การใช้ยาเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ระคายเคืองตา ตาแดง ตาแห้งรุนแรง ปวดศีรษะ ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง หรือกระทบต่อการทำงานของตับและไต ทำให้หลายคนเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูการมองเห็นที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างใกล้ชิด

โรคเกี่ยวกับดวงตา — ที่เคยมองว่าเป็นเพียง ‘อาการเสื่อมตามวัย’ เช่น ต้อหิน ต้อกระจก หรือต้อเนื้อ  — ปัจจุบันได้รับความเข้าใจใหม่ว่าเป็น 

‘กลุ่มอาการซับซ้อนเกี่ยวกับการเผาผลาญและระบบไหลเวียนในดวงตา’ ซึ่งมีต้นเหตุมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่:
• การไหลเวียนเลือดที่ลดลงในจอประสาทตา: จากความเสื่อมและความเสียหายของหลอดเลือดฝอย
• ความผิดปกติของกระบวนการออกซิเดชัน: ทำลายเซลล์จอประสาทตาและเส้นประสาทตา
• การอักเสบเรื้อรังภายในดวงตา: ทำให้กลไกปกป้องดวงตาอ่อนแอลง
• ความไม่สมดุลของฮอร์โมนและเส้นประสาทที่ควบคุมการมองเห็น: ส่งผลต่อความสามารถในการปรับโฟกัส และการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม

จากความเข้าใจนี้ นักวิทยาศาสตร์เริ่มตระหนักว่า โรคเกี่ยวกับดวงตาไม่ใช่ ‘ต้นเหตุ’ ของปัญหา แต่เป็น ‘ผลลัพธ์’ รองจากความผิดปกติที่สะสมมานานในระดับเซลล์และการเผาผลาญ เช่น ภาวะเสื่อมของหลอดเลือดฝอย การอักเสบเรื้อรัง หรือการสะสมความเสียหายที่นำไปสู่โรคอย่างต้อหิน ต้อกระจก จุดภาพชัดเสื่อม และต้อเนื้อ 

ดังนั้น แนวทางการรักษาในยุคใหม่จึงไม่ได้เน้นแค่การ ‘บรรเทาอาการ’ เท่านั้น แต่ต้องมุ่งกำจัดโอกาสเกิดโรคของระบบและการมองเห็นแต่ละผลลัพธ์เชิงลึกในจอประสาทตาโดยตรง

ด้วยทัศนคตินี้ งานวิจัยจำนวนมากจึงหันไปมองหาวิธีการรักษาด้วยสารชีวภาพจากธรรมชาติ แทนการใช้ยาเคมีเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีทีมผลงานค้นพบในระยะยาว สารออกฤทธิ์จากธรรมชาติ เช่น แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) จากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่, ลูทีน (Lutein), ซีแซนทีน (Zeaxanthin), โอเมกา-3, ฟลาโวนอยด์สมุนไพร และโพลีฟีนอลจากชาเขียว ได้แสดงศักยภาพในการฟื้นฟูฟังก์ชันการไหลเวียนดวงตาในระดับเซลล์ ช่วยซ่อมแซมจอประสาทตาและเสริมประสิทธิภาพการมองเห็น

แนวทางการบุกเบิกจากวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น:

กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำกว่า 20 คนในประเทศญี่ปุ่น จากสถาบันวิจัยเฉพาะทางด้านจักษุวิทยาและชีววิทยาระดับโมเลกุล ได้ดำเนินการวิจัยต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี เพื่อต้นหาวิธีการแทรกแซงที่ต้นเหตุของโรคเกี่ยวกับดวงตา ได้แก่ ความเสียหายของหลอดเลือดฝอยในจอประสาทตา, การเสื่อมของเซลล์ประสาทตา, ความผิดปกติของการไหลเวียนโลหิตในดวงตา รวมถึงภาวะผิดปกติที่นำไปสู่โรคต้อเนื้อ

แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอาการภายนอก (ซึ่งเป็นวิธีการทั่วไปของการรักษาในปัจจุบัน) ทีมวิจัยได้พัฒนาแนวทางที่มุ่งกับการฟื้นฟูจากภายในระดับเซลล์อย่างเป็นระบบตรงจุด, การฟื้นฟูความยืดหยุ่นของหลอดเลือดฝอย และการกระตุ้นความสามารถในการซ่อมแซมตามธรรมชาติของเซลล์จอประสาทตา
วิธีการนี้ถือเป็นแนวทางใหม่ในการแพทย์ ซึ่งมีความกล้าล้ำหน้า และให้ความหวังต่อการฟื้นฟูการมองเห็นที่สูญเสียไปแล้วในการแก้ปัญหาของโรคได้ที่ต้นจริง

จากผลการวิจัยดังกล่าว พวกเขาได้พัฒนาสูตรที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้สำเร็จ ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมการดูแลดวงตา — ซึ่งก็คือ Vistorin
แคปซูลสกัดจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ 2 ประการ: ช่วยทำความสะอาดหลอดเลือดฝอยในจอประสาทตา และสนับสนุนการฟื้นฟูพร้อมปกป้องการมองเห็นอย่างเป็นธรรมชาติ ลดความเสี่ยงจากโรคดวงตาสำคัญ เช่น ต้อหิน ต้อกระจก และต้อเนื้อ (มองต้อเนื้อ) โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง

Vistorin — นวัตกรรมก้าวล้ำในการดูแลและฟื้นฟูการมองเห็น จากแหล่งสารสกัดธรรมชาติของญี่ปุ่น

จุดเด่นและนวัตกรรมของสูตร Vistorin คือการใช้สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) — สารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ (เช่น บลูเบอร์รี่ องุ่นดำ) ซึ่งถือเป็น ‘เคล็ดลับสำคัญ’ ของชาวญี่ปุ่นในการดูแลสุขภาพดวงตา และปกป้องการเสื่อมของการมองเห็นมาตลอดหลายร้อยปีในวัยสูงอายุ

จากการวิจัยทางคลินิกจำนวนมาก พบว่า แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) มีคุณสมบัติเด่นดังนี้:
→ ต้านอนุมูลอิสระอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องและฟื้นฟูเซลล์จอประสาทตา
→ ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตในหลอดเลือดฝอยของจอประสาทตา นำไปสู่การหล่อเลี้ยงตาได้มีคุณภาพมากขึ้น
→ ป้องกันและบรรเทาภาวะตาล้า จากการใช้สายตาเป็นเวลานานหรือขาดสารอาหารเพียงพอ
→ ชะลอความเสื่อมของจุดภาพชัด และป้องกันความเสียหายของเส้นประสาทตา
→ ลดอาการตาแห้ง ตาล้า และช่วยให้เลนส์ตาใสขึ้น
→ ลดความเสี่ยงของต้อเนื้อ ที่เกิดจากแสงแดดและฝุ่นควัน พร้อมบรรเทาอาการระคายเคืองตา
→ สนับสนุนการรักษาและฟื้นฟูการมองเห็นอย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน
→ ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงเหมือนยาหยอดตาทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีสารสกัดสมุนไพรค่ามีค่าอื่น ๆ อย่าง ลูทีน (Lutein), ซีแซนทีน (Zeaxanthin), โอเมกา-3, วิตามิน E เป็นต้น

Vistorin ไม่ได้มีแค่ แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) เท่านั้น แต่ยังผสมผสานสารสกัดจากสมุนไพรและสารอาหารสำคัญ ได้แก่:
• ลูทีน (Lutein): ปกป้องและเสริมการทำงานของจุดภาพชัด ช่วยให้การมองเห็นคมชัดขึ้น
• ซีแซนทีน (Zeaxanthin): ต้านอนุมูลอิสระอย่างมีประสิทธิภาพ ปกป้องเซลล์จอประสาทตาและเลนส์ตา
• โอเมกา-3: ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดฝอยของจอประสาทตา ลดอาการตาแห้งและการอักเสบ
• วิตามิน E: เพิ่มความแข็งแรงให้เนื้อเยื่อตาดวงตา ชะลอความเสื่อมของดวงตา
• สารสกัดดอกคาโมมายล์ (Chamomile extract): ช่วยลดอาการตาล้า บรรเทาอาการระคายเคือง และส่งเสริมการนอนหลับให้ผู้ที่มีความเครียดทางสายตา

การผสมผสานอย่างลงตัวนี้ทำให้ Vistorin ไม่เพียงแค่ช่วยฟื้นฟูและเสริมการมองเห็น แต่ยังช่วยดูแลสุขภาพดวงตาโดยรวม ลดอาการต่าง ๆ เช่น ตาพร่า ตาแห้ง ตาล้า และลดความเสี่ยงจากโรคร้ายที่ดวงตาเผชิญ เช่น ต้อหิน ต้อกระจก และต้อเนื้อที่มักค่อย ๆ ลุกลามเข้าสู่ตาดำและแย่ลงตามอายุ

พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง จากผู้ใช้เป็นพัน หลังการใช้อย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้หลายคนรายงานว่า อาการตาล้าเริ่มดีขึ้น การมองเห็นชัดเจนขึ้น อาการตาแห้งลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนสามารถลดการพึ่งพายาหยอดตา และกลับมามีสุขภาพตาที่ดีขึ้น

ก่อนหน้านี้กระบวนการฟื้นฟูจอประสาทตาและหลอดเลือดฝอยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3–6 เดือน แต่ด้วยสูตรพัฒนาล่าสุดของ Vistorin ผู้ใช้จะเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนหากใช้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม หลังจบคอร์ส ควรดูแลสุขภาพดวงตาอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น ต้อหิน ต้อกระจก หรือแม้กระทั่งต้อเนื้อ ควรรับประทานเสริมเป็นระยะ เพื่อให้หลอดเลือดในดวงตาแข็งแรงอยู่เสมอ

นอกจากนี้ รูติน (Rutin) ที่มีใน Vistorin ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของหลอดเลือดฝอยในจอประสาทตาอีกด้วย

จากข้อมูลวิจัยของผู้ใช้นับจำนวนมากพบว่า หลังใช้เพียง 1 เดือน หลอดเลือดฝอยในดวงตาจะสะอาดขึ้น การไหลเวียนดีขึ้น เซลล์หลอดเลือดเล็ก ๆ ฟื้นตัวเหมือนในวัย 20–25 ปี ส่งผลให้การมองเห็นคมชัดขึ้น อาการตาพร่า ตาล้าลดลง การมองชัดขึ้นอีก และยังป้องกันโรคที่มาพร้อมอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เสริมสุขภาพโดยรวมของดวงตาและเส้นประสาทการมองเห็น
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Vistorin คือช่วยฟื้นฟูสุขภาพของระบบประสาทการมองเห็น — เมื่อหลอดเลือดที่เลี้ยงดวงตาสะอาดขึ้น เซลล์ประสาทตาก็จะทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ ลดอาการล้าตาเมื่อต้องทำงานเป็นเวลานาน และช่วยให้การปรับโฟกัสสายตาดีขึ้นในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งกว่า 70 ปี เมื่อใช้ Vistorin จะรู้สึกได้ว่า ดวงตาเบาสบายขึ้น มองปลอดโปร่งมากขึ้น และสามารถทำงาน อ่านหนังสือ หรือใช้คอมพิวเตอร์ได้

นพ. อธิบดี วิริยะวงศ์: ใช่ครับ! น่าเสียดายที่ตอนนี้ Vistorin ยังไม่มีวางจำหน่ายในร้านขายยา เนื่องจากบริษัทต้องการปกป้องผลกำไร สาเหตุหลักคือ Vistorin มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและปรับปรุงการมองเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องซื้อตัวยาหยอดตาเป็นประจำอีกต่อไป ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบางกลุ่ม

นอกจากนี้ยังมี “กลุ่มผลประโยชน์” ที่ไม่ต้องการให้ Vistorin วางขายอย่างแพร่หลายในตลาดทั่วไป ปัจจุบัน Vistorin จึงจำหน่ายเฉพาะในโรงพยาบาลและคลินิกเฉพาะทางด้านจักษุแพทย์ และมีคลินิกเฉพาะบางแห่งที่นำเข้าและจำหน่ายในประเทศไทย
เท่าที่ทราบ บางจำนวนนำมาขายในราคา 7,200 บาท เลยทีเดียวครับ!

ด้วยความปรารถนาดีที่จะนำ Vistorin มาใกล้ชิดคนไทยมากขึ้น ขณะนี้โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจักษุวิทยาได้ตัดสินใจเปิดโปรแกรมการขายออนไลน์พร้อมส่วนลด 50% โดยมีจำนวนจำกัด ทุกวันเราจะคัดเลือกผู้โชคดีเพียง 100 คน เพื่อรับสิทธิพิเศษนี้

หากคุณต้องการสั่งซื้อ Vistorin กรุณากรอกข้อมูลส่วนตัวและหมายเลขโทรศัพท์ในแบบฟอร์มลงทะเบียนด้านล่างบทความ

เงื่อนไขในการเข้าร่วมโปรแกรมซื้อ Vistorin ในราคาพิเศษ:

หมายเหตุ: คุณจะมี 2 ตัวเลือกในการลงทะเบียนเพื่อสั่งซื้อ Vistorin:

• หากต้องการเข้าร่วมโปรโมชั่นของ Vistorin กรุณากรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนด้านล่างและเบอร์โทรศัพท์ของคุณจะถูกลงในบัญชีแผนกให้คำปรึกษาของโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจักษุวิทยาโดยอัตโนมัติ

• ที่ปรึกษาจะติดต่อกลับภายใน 5 นาที หลังจากที่คุณส่งแบบฟอร์มเรียบร้อย เราได้รับแบบฟอร์มลงทะเบียนตรงจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจักษุวิทยา ได้จัดส่งมาตามส่วนที่รับผิดชอบ

อย่าถูกล่อลวงโดยราคาถูก! Vistorin จำหน่ายสินค้าออริจินัล 100% เท่านั้น 

⭐ ได้รับการรับรองจาก อย. ประเทศไทย
⭐ ยินดีชดเชยหากพบว่าสินค้าเป็นของปลอม
⭐ เห็นผลลัพธ์เมื่อใช้ตามวิธีและครบตามคอร์สที่กำหนด
🚚 จัดส่งทั่วประเทศภายใน 2–4 วัน
📞 มีเจ้าหน้าที่โทรกลับให้คำแนะนำก่อนจัดส่ง
💰 ชำระเงินปลายทางได้ (COD)

วิธีใช้ : รับประทานวันละ 2 เม็ด รับประทาน เช้า 1 เม็ด เย็น 1 เม็ด หลังอาหาร

การรับประทานต่อเนื่องเป็นคอร์สจะช่วยให้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใช่ยาและไม่ได้ทดแทนยา