เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไม่อยากจะพูดคนนอกสักเท่าไหร่ค่ะ แต่มันเป็นเรื่องที่ฝังใจของเรามาโดยตลอดตั้งแต่เกิดเรื่องมา การฟ้องร้องที่เกิดขึ้นมีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร? ทำไมต้องฟ้อง? ทำงานกับสายการบิน ชีวิตหรูดูแพง ทุกอย่างพร้อมไปหมด มีเรื่องดราม่าจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกับสายการบินที่ทำงานมีด้วยเหรอ? มีด้วยเหรอเรื่องแบบนี้ แอนเลยมาบอกให้ทุกคนได้รับรู้ตรงนี้ค่ะ

ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ใครที่ติดตาม แอน มาตลอดจะรู้ดีว่าอายุแอนปีนี้ก็ปาเข้าไปที่ 35 ปีแล้ว แอนก็มาอัพเดทชีวิตส่วนตัวและการทำงานในสายการบินให้เพื่อน ๆ บ้าง แต่ก็แทบจะไม่มีเวลามาตอบกลับทุกคนสักเท่าไหร่ เพราะทำงานบริการลูกค้า รวมเวลายืนทั้งวันก็ 12 ชั่วโมง

เราทำงานเป็นแอร์โฮสเตสกับสายการบินแห่งหนึ่งมาตั้งแต่หลังจากที่สอบผ่าน การที่จะเข้ามาทำอาชีพนี้มันไม่ได้ง่ายเหมือนที่หลายคนรู้จักจากเบื้องหน้าเลย ซึ่งก่อนหน้านี้แอนทำงานเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรมในกรุงเทพฯ โดยอยู่ที่ล็อบบี้ต้อนรับลูกค้ากะกลางวันและรับกะกลางคืนบ้าง

หลายคนอาจมองว่าอาชีพนี้ได้ค่าตอบแทนที่สูง แถมยังได้ไปเที่ยวต่างประเทศ มีสวัสดิการหลายอย่างที่ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น มันก็จริงค่ะ และเป็นสิ่งที่ทำให้สาวๆหลายคนอยากเข้ามาทำอาชีพแอร์โฮสเตส

แต่สิ่งที่ทุกคนที่ได้เข้ามาทำงานอาชีพนี้จะต้องแลกนั่นก็คือการให้บริการแก่ผู้โดยสารนับไม่ถ้วน โดยแลกกับสภาพร่างกายของตัวเองที่ทรุดโทรมลงไปทุกวัน สิ่งที่เราจะต้องทำกันทุกครั้งที่มีไฟลท์บิน คือ การการที่ต้องแต่งตัวให้พร้อม และมีการบรีฟงานกับหัวหน้าก่อนขึ้นบิน และอย่างที่ทุกคนทราบค่ะ รองเท้าที่พวกเราใส่เป็นรองเท้าที่ค่อนข้างรัดเท้ามากเลยทีเดียว และไม่ได้เป็นรองเท้าส้นเตี้ยธรรมดาแต่เป็นส้นสูง นั่นก็เพื่อให้ภาพลักษณ์ของพวกเราดูดีในสายตาของลูกค้าผู้มีเกียรติทุกท่าน

ไม่อยากดราม่า แต่ความจริง โลกไม่ได้สวยอย่างที่คิด เลยต้องมา “เรียกร้องสิทธิ” ของตัวเองในวันนี้

จุดเริ่มต้นที่เราเจอกับอาการปวดขาอย่างรุนแรงมันก็มาจากการที่ใส่รองเท้ารัดเป็นระยะเวลานานและเป็นรองเท้าส้นสูง อาการของเราเริ่มจากมีเส้นเลือดขอดบริเวณน่องขึ้นมาเพียงแค่จุดเดียวค่ะ แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะคิดว่ามันเป็นแค่อาการปวดเล็กๆน้อยๆที่สาวๆแอร์โฮสเตสหลายคนก็เป็นกัน คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าเวลาที่พวกเราเดินแต่ละครั้งก็ต้องเกร็งเท้าซึ่งมีผลกับกล้ามเนื้อขาทุกส่วนเลยทีเดียว

อาการต่อมาคือเราเริ่มปวดขามากขึ้นกว่าเดิม จากที่ไม่มีอาการปวด มีแต่เส้นเลือดเป็นสีน้ำเงินขึ้นตรงน่องเท่านั้นค่ะ แอนก็ปล่อยไปตามนั้น แต่ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าหลังจากมีอาการปวด เส้นเลือดที่น่องมันนูนขึ้นมาภายใน 1 เดือน แอนตกใจมากค่ะ เพราะเราไม่คิดว่ามันจะเกิดอาการแบบนี้ขึ้นมาได้ แล้วหลังจากที่มีเส้นเลือดนูนขึ้นมา มีอาการปวดรุนแรงมาก บางทีนอนไม่หลับเลยค่ะ จนบางครั้งขาของแอนชาไปหมดจนนอนร้องไห้กับตัวเองทั้งคืน

คำถามที่หลายคนมักจะถามเวลาที่เราเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง คือ ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเอง? ทำไมไม่ออกกำลังกาย? ทำไมไม่ขอให้บริษัทเปลี่ยนรองเท้า? และคำถามอื่น ๆ อีกมากมายที่ถาโถมเข้ามา

ถ้าคำถามพวกนี้เป็นคำถามที่สามารถส่งไปยังสายการบินที่เราได้ทำงานเพื่อให้พวกเขาทราบถึงความเจ็บปวดและสภาพชีวิตของพนักงานก็คงจะดีนะคะ แต่ด้วยกฎของสายการบินและระเบียบการปฏิบัติของอาชีพเป็นสิ่งที่เราถูกยัดเยียดให้ปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้หรือข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น

แค่เส้นเลือดขอด ทำให้ “เสีย” อาชีพที่รัก

แล้วด้วยความที่เรามองข้ามปัญหาเล็กน้อยของอาการเส้นเลือดขอดบริเวณน่องของตัวเอง ทำให้เราเจอกับปัญหาสภาพร่างกายที่แย่กว่าเดิม อาการเส้นเลือดขอดนำไปสู่อาการปวดขาอย่างรุนแรง บางครั้งที่เราไม่สามารถเดินได้เลยค่ะ แต่ทางสายการบินก็ยังจัดตารางบินให้เกือบทุกวัน และแน่นอนว่าร่างกายของเราไม่ไหวก็จะต้องหยุดงาน ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า แล้วเราก็ต้องหยุดงานบ่อย ทำให้ได้รับใบแจ้งเตือนจากหัวหน้าและผู้ดูแลตารางบิน

เราพยายามฝืนร่างกายของตัวเองโดยการที่ทำทุกอย่างที่หลายคนตั้งคำถามมา ว่าจะเป็นออกกำลังกายให้มากขึ้นกว่าเดิม ขอหยุดพักงานบ้างในเวลาที่รู้สึกว่าร่างกายทำงานหนักเกินไป ดูแลทั้งอาหารการกินของตัวเองเป็นอย่างดี แต่เชื่อไหมคะว่าอาการของเราไม่หายไปเลย

จนท้ายที่สุดแล้วเราได้รับใบแจ้งเพื่อให้ “ลาออก” โดยไม่มีการแจ้งเหตุผลใด ๆ นอกเหนือจากการที่เราลางานบ่อยจนเกินไปและไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความเหมาะสม วันที่ได้ใบลาออกมา เราร้องไห้ฟูมฟายและไม่รู้เลยค่ะว่าจะต้องทำยังไงต่อ เรามีอาชีพมีอาชีพเดียว เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดูแลค่าใช้จ่ายของคนทั้งบ้าน แล้วที่บ้านก็ยังเป็นหนี้อีกหลายล้าน

หมอบอกว่าต้อง “ฉีดยา” และ “กายภาพบำบัด” ไปตลอด!

นอกจากเรื่องใบลาออกที่เราต้องยอมรับมาโดยที่ไม่ได้เต็มใจจะลาออก เราต้องเจอคุณหมอทุกอาทิตย์เพื่อติดตามอาการปวดขาจากเส้นเลือดขอดที่ลามตั้งแต่น่องจนถึงต้นขา

สิ่งที่คุณหมอทำให้เพื่อรักษาอาการเส้นเลือดขอดและอาการปวดขาอ่อนแรงของเราก็คือการฉีดยาให้เส้นเลือดขอดยุบตัว โดยวิธีนี้เราเรียกว่า Microsclerotherapy เป็นวิธีเบื้องต้นที่หมอเค้าจะแนะนำให้เราฉีด ซึ่งแอนก็ฉีดไปช่วงแรกค่ะ แต่ผ่านไปเป็นเดือนอาการก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นปกติ พอกลับไปหาหมออีกครั้งหมอก็ให้ฉีด Catheter-directed Foam Sclerotherapy เป็นการฉีดโฟมเข้าไปเพื่อสลายเส้นเลือดขอดอีกครั้ง หมอบอกว่าถ้าไม่หายอาจต้องผ่าตัด พอผ่านไปอีกเดือนหนึ่งอาการก็ไม่ดีขึ้นค่ะ จนต้องผ่าตัดจริง โดยเป็นการลอกเอาเส้นเลือดขอดออก ก่อนผ่าตัดหมอเค้าก็บล็อคหลังให้เราสลบแล้วผ่าตัด แอนใช้เวลาพักฟื้นไป 3 วัน แล้วกลับมาที่บ้านเพื่อทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องคล้ายผู้ป่วยติดเตียงเลยค่ะ

เราพยายามรักษาตัวเองเป็นระยะเวลาเกือบปีเลยทีเดียวค่ะ แต่จากที่ฉีดยาเส้นเลือดขอดก็หายไปบ้างนะคะ แต่มันกลับมาอีก แม้ว่าจะผ่าตัดไปแล้วก็ตาม ส่วนอาการปวดขาก็รุนแรงกว่าเดิม จนทำให้บางอาทิตย์ที่เราไม่สามารถเดินไปพบคุณหมอได้ที่โรงพยาบาล 

งบประมาณที่ใช้ในการดูแลสุขภาพของตัวเองหลังจากการลาออกสายการบินในครั้งนั้นก็แทบจะหมดไปกับการรักษา แต่ละครั้งเราจ่ายค่ายา ค่ารักษา ค่ากายภาพ ไปทีละหลักหมื่น แล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นบริษัทสายการบินไม่ได้มีส่วนเข้ามาช่วยเหลือในการชำระเลยแม้แต่บาทเดียว

จากนั้นเราเริ่มมีอาการซึมเศร้าที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อนเลย จากที่เป็นคนร่าเริงเราเป็นคนที่ไม่พูดกับใคร เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง จนคนที่บ้านต้องพาไปหาหมอจิตเวชอีกทีนึง แล้วคุณหมอก็บอกว่าเรามีอาการซึมเศร้าระยะรุนแรงแล้ว

ปักธงไว้ในใจว่ายังไงก็ต้อง “ฟ้องร้อง”

ด้วยอาการที่ไม่ดีขึ้น และค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายออกไปเรื่อย ๆ แบบไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ หลังจากที่อาการเกี่ยวกับสภาพจิตใจของเราดีขึ้น เราจึงมองหาวิธีอื่น ตัวช่วยอื่น พี่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นหลักหมื่นแบบนี้ทุกครั้ง พร้อมกับหาวิธีที่ทำให้บริษัทมาร่วมรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น เราก็ยังไม่สามารถที่จะดำเนินการเรื่องราวทั้งหมดได้ เราจึงตัดสินใจโฟกัสที่การดูแลรักษาเส้นเลือดขอดและอาการปวดขาของตัวเองให้หายขาดซะก่อน

ด้วยอาการเส้นเลือดขอดที่เป็นมาระยะเวลาหลายปีมันเป็นเรื่องที่ยากมากเลยค่ะที่จะทำให้หายได้ เราค้นหาข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการดูแลเส้นเลือดขอด หลายโรงพยาบาลและคลินิกแนะนำให้ทำการฉีดยาเหมือนกับที่เราเคยรักษากับมาก่อน วิธีเหล่านั้นเป็นวิธีที่ไม่ทำให้อาการของเราหายได้เลย

จนเราได้เจอกับ Verakose ครีมฟื้นฟูเส้นเลือดขอด ตอนแรกเราก็ไม่เชื่อหรอกค่ะว่ามันจะสามารถช่วยให้เรามีอาการที่ดีขึ้นได้ แต่ในเมื่อไม่มีอะไรเสียหายเราก็เลยสั่งซื้อมาลองดูแล้วใช้เป็นระยะเวลาทั้งหมด 1 เดือน จากเส้นเลือดขอดที่สีเข้มจนน่ากลัวกลายเป็นสีอ่อนลง พอมาเดือนที่ 2 เส้นเลือดขอดตรงต้นขาเริ่มหายไป ส่วนเดือนที่ 3 บริเวณน่องก็หายไปด้วยเหมือนกันค่ะ เราใช้ต่อไปเรื่อยๆจนครบ 6 เดือน พูดว่ารอยเส้นเลือดขอดที่คดเคี้ยวเต็มบริเวณขาไม่มีอีกแล้ว

สงสัยใช่ไหมคะว่าเราเจอ Verakose ได้ยังไง? ต้องท้าวความไปก่อนค่ะว่าก่อนหน้านี้ที่ทำกายภาพบำบัด มีเพื่อนของเราแนะนำให้ใช้ยาเยอะมาก ทั้งกินทั้งทาจนไม่รู้ว่าจะใช้อะไรก่อนหลัง แต่อย่าคิดว่าเราไม่ใช้ตามที่เพื่อนบอกนะคะ เราใช้ทุกตัวค่ะ แต่ถ้ามันหายก็คงไม่หยุดหาผลิตภัณฑ์ที่จะมาช่วยเราได้จริง ๆ จนคืนนึงที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังรอหมอผ่าตัดซ้ำแผลเดิม เราหยิบโทรสัพท์ขึ้นมาหาข่าวอ่านดู แล้วเลื่อนลงไปเจอโฆษณาตัวหนึ่งที่เป็นข่าวเกี่ยวกับการคิดค้นผลิตภัณฑ์ช่วยฟื้นตัวเส้นเลือดขอด เราไม่รอช้าค่ะ รีบเปิดอ่าน แม้ว่าในใจเราจะแอบหมดหวังไปแล้วก็ตาม ในนั้นเป็นข่าวดราม่ามาก แต่เราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เลยสั่งมาลองใช้ดู ผ่าตัดนอนโรงพยาบาลไป 3 วัน กลับไปถึงบ้านคนที่บ้านก็บอกว่ามีของมาส่งเมื่อวันก่อน เราก็เปิดดูค่ะ คิดว่าถ้าผ่าตัดแล้วอาการไม่ดีขึ้นเราก็จะใช้ ปรากฎว่าหลังผ่าตัดแผลหายดีแล้วแต่เส้นเลือดขอดยังกลับมาเป็นเหมือนเดิม เราเลยใช้ครีม Verakose ติดต่อกันทุวันเลยค่ะ

เส้นเลือดขอดหายไปได้ยังไง?

ที่อาการเส้นเลือดขอดของเราหายไปได้พร้อมกับอาการปวดขาที่ทุเลาลงนั้น เราคิดว่ามาจากการที่ใช้ครีม Verakose พร้อมกับการกายภาพบำบัดด้วยตัวเองที่บ้านเป็นประจำทุกวัน เราได้ถามเพื่อนสนิทที่เป็นนักกายภาพบำบัดว่า ตัวครีมนี้มีอะไรที่ช่วยฟื้นฟูอาการเส้นเลือดขอดได้ ปรากฏว่าในครีมตัวนี้มีสารสกัดจากธรรมชาติเข้มข้นหลายตัวมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น …

• สารสกัดจากต้นสน : แหล่งซิลิกาและแคลเซียมชั้นดีที่มีประโยชน์ต่อกระดูกและกล้ามเนื้อ ส่งเสริมการทำงานของเซลล์ให้มีประสิทธิภาพที่ดี
• สารสกัดฟูคัส เวซิคูโลซัส: ส่งเสริมเนื้อเยื่อ เยื่อหุ้มเซลล์ เล็บ และหลอดเลือดให้แข็งแรง ปรับปรุงโทนสีผิว เพิ่มความยืดหยุ่นของผิวและลดเซลลูไลท์
• สารสกัดเฮเดร่าเฮลิกส์ : ช่วยฟื้นฟูอาการปวดข้อและปวดหลังส่วนล่าง ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ลดแรงตึงผิว ล้างพิษ และต้านการอักเสบ
• สารสกัดจากใบข้าวบาร์เล่ย์ : อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอล รักษาเสถียรภาพของเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินและปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต ช่วยชะลอความแก่และป้องกันริ้วรอย
• สารสกัดจากสาหร่ายทะเล : ปรับโครงสร้างของฟิล์มความชื้นบนผิว กักเก็บความชุ่มชื้นของผิวและลดการระเหยของน้ำออกจากผิว
• สารสกัดจากรากรัสคัส อะคิวเลอุส: เพิ่มการผลิตเอ็นไซม์ cathepsin D ในผิวหนังชั้นนอก ส่งเสริมกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่อ่อนโยน และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
• สารสกัดจากดอกมิลค์ทิสเทิล : ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ลดความหยาบกร้านของผิวและริ้วรอยต่างๆ ได้ทั้งปริมาณและความลึก
• คาเฟอีน : มีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยให้ผิวกระจ่างใส

พออาการของเราหายขาดและดีขึ้นจนเห็นได้อย่างชัดเจน เรารวบรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จ่ายไปกลับโรงพยาบาลและการทำกายภาพบำบัดตลอดระยะเวลาทั้งหมดที่ผ่านมา เรารวบรวมเงินได้เป็นหลายแสนเลยทีเดียว และรวมกับค่าใช้จ่ายที่ซื้อ Verakose แต่ละชิ้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นราคาแค่ชิ้นละหลักร้อยที่ทำให้เราอาการดีขึ้นได้ก็ตาม แต่เราก็รวบรวมเอาไว้ เพราะถือว่าเป็นการคิดบัญชีกับบริษัท

ถ้าไม่ยืนหยัดเพื่อตัวเอง ก็ไม่มีใครสู้เพื่อตัวเรา 

ก่อนหน้านี้เราพยายามให้สายการบินช่วยเรื่องค่ารักษา เพราะเราต้องลาออกกระทันกันแบบไม่ทันตั้งตัวด้วย แล้วอีกอย่างเราไม่ได้มีเงินสำรองเพื่อฉุกเฉินอะไรเลย แต่ทางบริษัทเขาไม่ยอม เราก็ปรึกษากับเพื่อนทนายไว้ล่วงหน้า และเพื่อนทนายคนนี้ก็มาเยี่ยมดิฉันตลอด ระหว่างที่ไปคลินิกและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล เราพูดถึงการฟ้องร้องกับทนายทุกครั้งที่เขามาเจอหน้า และเขาบอกว่า หากเรามีหลักฐานมากพอและยืนยันได้ว่าเราถูกออกจากงานด้วยเหตุผลที่ไม่เหมาะสมก็สามารถฟ้องได้และมั่นใจว่าจะชนะคดีความแน่นอนค่ะ

หลังจากที่รวบรวมค่าใช้จ่าย เอกสารการจ้างงานและการให้ออกจากงานทั้งหมดที่มี เรายื่นเรื่องไปที่ศาลพร้อมกับทนาย ตอนแรกคนรอบข้างเราก็บอกว่าไม่ต้องฟ้องหรอก เพราะบริษัทออกจะใหญ่โตส่งไปก็ไม่รู้ว่าจะชนะคดีความหรือเปล่า แต่เราไม่สามารถยอมรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นและโอกาสในการทำงานของเราเอง จนท้ายที่สุดหลังจากที่ขึ้นศาล เราก็ได้รับการชดเชยค่าเสียหายที่สูญเสียไปทั้งหมดกับการรักษาตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อครีม Verakose ตัวนี้ด้วยแม้จะเป็นค่าใช้จ่ายน้อยนิด แต่ก็และกับประสบการณ์ที่แสนแพง

เราจะไม่สามารถมาเขียนเรื่องเล่านี้ให้กลับคุณรู้ได้เลยถ้าไม่มีครีม Verakose ตัวนี้เพื่อช่วยฟื้นฟูอาการทั้งหมด โดยเฉพาะสาเหตุของการปวดขาที่รุนแรง เพราะถ้าไม่หายดี เราก็ไม่มีแรงขอบมาเขียนเรื่องเล่านี้และไม่สามารถยื่นฟ้องศาลด้วยตัวเองคึดต่อสู้กับสิทธิอันควรจะได้รับนี้ได้เลยค่ะ

ที่ผ่านมาเราผ่านเรื่องราวมาเยอะมากจนอายุเข้าเลข 3 ไปแล้ว แล้วหวังว่าเรื่องราวของเราจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงหลายคนที่อยากสวย อยากแข็งแรง และอยากทำอาชีพที่ตัวเองรัก ขอให้คุณดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้ต่อสู้กับอุปสรรคที่เกิดขึ้นไปให้ได้นะคะ

เราโชคดีที่ได้เจอกับ Verakose คุณก็โชคดีที่ได้อ่านบล็อคของเรา

สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดขอดและอาการปวดขา ไม่จำเป็นต้องรุนแรงเหมือนกับเราก็ได้ แต่คุณควรดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่าให้ตัวเองต้องเจ็บหัวและทรมานเหมือนที่เราได้ผ่านมา

เราเองก็ไม่สามารถแนะนำ ผลิตภัณฑ์ตัวไหนได้เลยนอกจาก ครีม Verakose ตัวนี้ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เรากลับมาเดินได้แบบไม่มีความเจ็บปวดได้อีกครั้ง ทางผู้จัดจำหน่ายเองได้ทราบเรื่องราวของเราและอยากให้เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจกับผู้อื่น ยินดีมอบส่วนลดเพื่อเป็นของขวัญให้กับผู้อ่านของบล็อคเราค่ะ

ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใช่ยาและไม่ได้ใช้แทนยา