กำจัดต้นตอของโรคริดสีดวงทวาร ก่อนที่จะสายเกินไป

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เชี่ยวชาญและแพทย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้ทำการศึกษาวิธีการรักษาริดสีดวงทวารแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งปลอดภัยและได้ผลจริง โดยสามารถทำได้เองที่บ้าน

หนึ่งในทีมแพทย์ที่เข้าร่วมการวิจัยครั้งนี้คือ ศาสตราจารย์ นายแพทย์เดชชาติ สิริวงศ์ แพทย์ผู้ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ ในสาขาแพทย์ดีเด่นแห่งปี

ศาสตราจารย์ นายแพทย์เดชชาติ สิริวงศ์ อธิบายว่า “ริดสีดวงทวารคืออะไร และส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร!”

ริดสีดวงทวาร คือภาวะที่หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักและรอบรูทวารเกิดการบวมพอง แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ริดสีดวงทวารภายใน (เกิดขึ้นภายในทวารหนัก) และ ริดสีดวงทวารภายนอก (เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังรอบรูทวาร)

– ริดสีดวงทวารภายใน: เกิดจากการที่หลอดเลือดบริเวณเยื่อบุในส่วนปลายของทวารหนักขยายตัว มักเป็นเส้นเลือดขอดที่อยู่ลึกภายใน จึงอาจไม่แสดงอาการในระยะแรก หากปล่อยไว้นานจนมีขนาดใหญ่ อาจมีการปลิ้นออกมานอกทวารหนักหลังการขับถ่าย

– ริดสีดวงทวารภายนอก: มักปรากฏชัดบนผิวหนังรอบรูทวาร สามารถมองเห็นหรือคลำพบได้ง่าย เนื่องจากอยู่ด้านนอก จึงก่อให้เกิดความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ระคายเคืองเมื่อสวมใส่เสื้อผ้า หรือรู้สึกเจ็บเมื่อนั่งเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเมื่อมีการอักเสบหรือเกิดลิ่มเลือดร่วมด้วย อาการเจ็บปวดจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น

จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณเป็นริดสีดวงทวาร?
คนไทยกว่า 9 ใน 10 คนเคยมีประสบการณ์กับอาการริดสีดวงทวารไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

อาการคันบริเวณทวารหนัก

มีเลือดออกมาหลังถ่ายอุจจาระ

อาการปวดทวารหนัก

ตกขาวที่ไม่พึงประสงค์

ปวดกระเพาะปัสสาวะ

อาการไม่สบายบริเวณท้องน้อย

ริดสีดวงทวารภายใน: โดยทั่วไป ผู้ป่วยมักสังเกตเห็นว่ามีสารคัดหลั่งออกมามากผิดปกติบริเวณทวารหนัก ขณะขับถ่ายอาจมีเลือดออก รู้สึกคัน หรือไม่สบายบริเวณนั้น แม้จะขับถ่ายเสร็จแล้วก็ยังรู้สึกเหมือนลำไส้ยังไม่โล่งเต็มที่

– ระยะที่ 1: เป็นระยะเริ่มต้นและมีอาการน้อยที่สุด ริดสีดวงยังอยู่ภายในทวารหนัก ไม่โผล่ออกมาภายนอก

– ระยะที่ 2: ริดสีดวงจะโผล่ออกมาระหว่างการขับถ่าย และจะหดกลับเข้าไปเองหลังขับถ่ายเสร็จ

– ระยะที่ 3: ริดสีดวงจะโผล่ออกมาในขณะขับถ่าย และไม่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง ต้องใช้มือดันกลับเข้าไป

– ระยะที่ 4: ริดสีดวงโผล่ออกมานอกทวารหนักตลอดเวลา แม้ไม่ได้ขับถ่าย โดยเฉพาะระหว่างการนั่งยอง ๆ ยกของหนัก หรือเดินเป็นเวลานาน

อาการของริดสีดวงทวารภายนอก
ผู้ป่วยมักมีอาการคัน บวม และเจ็บบริเวณรอบรูทวาร บางครั้งสามารถคลำพบก้อนนูนเล็ก ๆ ตรงบริเวณที่รู้สึกเจ็บ อาจมีเลือดออกเล็กน้อยร่วมด้วย และเมื่อมีสารคัดหลั่งเพิ่มขึ้นร่วมกับการขับถ่าย อาจเกิดอาการเปื้อนหรือซึมเปื้อนที่กางเกงได้ ริดสีดวงภายนอกมีลักษณะคล้ายกับริดสีดวงภายในในระยะที่ลุกลามและโผล่ออกมานอกทวารหนัก

⇨ มีหลายปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดริดสีดวงทวาร เช่น:

– นิสัยการนั่งบนโถส้วมเป็นเวลานาน หรือการเบ่งถ่ายหนักเกินไปขณะขับถ่าย

– การรับประทานอาหารประจำวันที่มีใยอาหารไม่เพียงพอ รวมถึงการกินอาหารรสจัดและเผ็ดมากเกินไป

– ดื่มน้ำน้อยเกินไป และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

– ปัญหาท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์

– การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก

– การมีเนื้องอกหรือก้อนเนื้อในอุ้งเชิงกราน เช่น เนื้องอกในมดลูก หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่

ผลเสียหากไม่รีบรักษาโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือกลายเป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบตลอดชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเข้ารับการรักษาเมื่อโรคลุกลามถึงขั้นรุนแรงแล้ว เช่น ริดสีดวงบวมโต มีเลือดออก และเจ็บปวดมาก ซึ่งการรักษาในระยะนี้จะซับซ้อนและยุ่งยากกว่ามาก นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อีกมากมาย

– ภาวะโลหิตจาง: เกิดจากการที่มีเลือดออกบ่อย ๆ จากทวารหนัก ทำให้จำนวนเม็ดเลือดแดงในเลือดลดลง ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยอ่อนเพลียและอ่อนแรง ในบางกรณีอาจต้องได้รับการถ่ายเลือด

– ริดสีดวงทวารปริ้น: ริดสีดวงที่โผล่ออกมานอกทวารหนักและไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันจนเกิดเนื้อตาย ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง

– ลิ่มเลือดอุดตัน: ส่งผลให้เกิดปัญหาการไหลเวียนของเลือดรุนแรง ภายในหลอดเลือดของริดสีดวงจะเกิดลิ่มเลือด นอกจากนี้ภาวะแทรกซ้อนนี้ยังทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเฉียบพลันและอาจนำไปสู่เนื้อตายได้

– แผลติดเชื้อ: ทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนังรอบทวารหนัก รวมถึงอาการคันและเจ็บแสบอย่างรุนแรง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากเนื้อตายที่แทรกซึมเข้าสู่ริดสีดวง ซึ่งเมื่อรวมกับเชื้อโรคในอุจจาระแล้วจะกลายเป็นภาวะที่เสี่ยงและรุนแรงมาก

– มะเร็งลำไส้ใหญ่: ผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่าคนปกติถึง 2.9 เท่า การรักษาริดสีดวงทวารอย่างถูกวิธีสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ถึง 50%

ในปัจจุบัน วิธีรักษาริดสีดวงทวารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม วิธีนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ควรพิจารณาให้รอบคอบ

การผ่าตัดริดสีดวงทวารถือว่าเป็นหัตถการที่เจ็บปวดมาก ผู้ป่วยต้องเผชิญทั้งค่าใช้จ่ายสูง การพักฟื้นเป็นเวลานาน และอาจมีผลข้างเคียงที่ยืดเยื้อหลังการรักษา

มาดูหนึ่งในหัตถการที่มักใช้กัน คือการรัดเส้นเลือดริดสีดวง

หากผู้ป่วยปล่อยปละละเลย ไม่ได้รับการรักษาเป็นเวลานาน การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ

ศาสตราจารย์ นายแพทย์เดชชาติ สิริวงศ์ หนึ่งในผู้บุกเบิกแนวทางการรักษาริดสีดวงทวารแบบใหม่ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ไทย ได้แนะนำวิธีการรักษาที่ปลอดภัย ไม่เจ็บตัว และเห็นผลจริง

ตามความเห็นของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์เดชชาติ สิริวงศ์ ปัจจุบันวิธีรักษาริดสีดวงทวารที่ทั้งปลอดภัยและเห็นผลดีที่สุด คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า Henofin

• ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีผลข้างเคียง
• ไม่เจ็บปวด
• ประหยัดเวลาและเงิน
• ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ไม่จำเป็น

Henofin ได้ช่วยให้คนไทยหลายล้านคนหลุดพ้นจากโรคริดสีดวงทวารอย่างถาวร จากผลสำรวจในกลุ่มผู้ใช้กว่า 1 ล้านคน พบว่า 98% ของผู้ใช้สามารถกำจัดริดสีดวงทวารได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายอย่างมาก!

หนึ่งในผู้ใช้หญิงรายหนึ่งเผยว่า เพียง 7 วันหลังเริ่มใช้ Henofin ริดสีดวงทวารของเธอเริ่มยุบตัวลง อาการเลือดออกและความเจ็บปวดที่รบกวนชีวิตเธอมานานนับสิบปีค่อย ๆ หายไป เธอกลับมามีชีวิตที่เป็นปกติอีกครั้ง

ความคิดเห็นจากผู้ใช้จริงที่สามารถเอาชนะริดสีดวงทวารได้ด้วย Henofin