แม้ในประเทศไทยของเราจะมีความก้าวหน้าทางการแพทย์มากขึ้น แต่อัตราการเกิดโรคเดิมที่เคยพบในประเทศไทยมาก่อนก็ยังคงมีอยู่ และยังเพิ่มความเสี่ยงให้กับคนในประเทศด้วยโรคที่เกิดขึ้นใหม่ วันนี้ทางบรรณาธิการของเราจึงได้ถือโอกาสในการเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับ “ไข้หูดับ” ซึ่งเป็นโรคที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อนและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการบริโภคเนื้อสัตว์ของคนไทยไปแล้วหลายครั้ง แต่เมื่อไม่นานที่ผ่านมาโรคนี้ได้กลับมาเป็นที่ฮือฮาของคนไทย โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเองก็ได้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคนี้ไม่น้อยไปกว่า โควิด-19 และโรคอื่น ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก 

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ที่ผ่านมาถือเป็นวันของปรากฎการณ์การอุบัติโรค “ไข้หูดับ” จนเป็นประเด็นร้อนในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยและส่งผลกระทบต่อการบริโภคเนื้อหมูทั่วประเทศอีกครั้ง โดยทางหน่วยงานเองได้ข่าวว่ามีการพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หูดับ ในทั้งหมด 5 อำเภอของจังหวัดน่าน โดยหน่วยงานได้มีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบและสอบสวน

เบื้องต้นนั้นได้พบผู้ป่วยจำนวนทั้งหมด 12 ราย เพศชาย ซึ่งมีอายุระหว่าง 50 ถึง 86 ปี ในผู้ป่วยจำนวนทั้งหมดมี 2 รายที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในการประคับประคองอาการเพราะมีอาการหนัก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย จากการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง โดยในผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตทุกรายนี้มีประวัติการทานเนื้อหมูดิบ และมีการตรวจพบเชื้อ สเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส หรือ Streptococcus suis ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคไข้หูดับ 

ต่อมากนายแพทย์สุเมธ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ ได้พูดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไข้หูดับด้วยการเฝ้าระวังในพื้นที่ของภาคเหนือตอนบนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 5 กันยายน 2564 ว่ามีการพบผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หูดับจำนวนทั้งหมด 115 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย โดยทางสำนักงานป้องกันโรคเองได้เร่งมือในการให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนทั้งหมด 8 จังหวัด ได้แก่ น่าน แม่ฮ่องสอน ลำปาง แพร่ พะเยา ลำพูน เชียงราย และเชียงใหม่ เพื่อสร้างความรู้ในการบริโภคเนื้อหมูที่ถูกต้องให้กับประชาชน

นายแพทย์สุเมธ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส สามารถติดได้จากโพรงจมูกและเชื้อที่อยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย หลังจากที่คนติดเชื้อได้ 1 ถึง 3 วันจะมีอาการป่วยต่าง ๆ ออกมาและที่พบได้บ่อยคือ อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบโดยจะมีไข้ขึ้นสูง ปวดศีรษะ คอแข็ง มีอาการสับสน อาเจียน สูญเสียการได้ยินจนถึงขั้นหูหนวกถาวร โดยหากมีประวัติการกินหมูดิบหรือสัมผัสเนื้อหมูที่ติดเชื้อจะต้องพบแพทย์ทันทีและแจ้งประวัติการกินหมูดิบเพื่อให้แพทย์ช่วยวินิจฉัยและรักษาได้อย่างรวดเร็วก่อนนำไปสู่การเสียชีวิตได้

ไม่เพียงแค่จังหวัดในภาคเหนือเท่านั้น แต่ในจังหวัดอื่น ๆ ของประเทศไทยก็เกิดการอุบัติของไข้หูดับด้วยเช่นเดียวกัน โดยนายแพทย์มงคล เกิดแปลงทอง นายแพทย์ประจำโรงพยาบาล ประธานองค์กรแพทย์โรงพยาบาลเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลโรคไข้หูดับในพื้นที่ของตนและเปิดเผยว่าในช่วงสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมานี้มีผู้ป่วยได้เดินทางมาทำการรักษาในโรงพยาบาลโดยมีอาการปอดติดเชื้อซึ่งต่อมาทีมแพทย์ได้พบเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส ในกระแสเลือดด้วยเช่นเดียวกัน

จากนั้นในเดือนกันยายนได้มีจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด 4-5 รายเดินทางเข้ามารักษาด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรงซึ่งมีอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและไตวาย ทีมแพทย์จึงต้องใส่เครื่องช่วยหายใจในการช่วยเหลือ จากนั้นได้มีผู้ป่วยเดินทางเข้ามารักษาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยอาการเหมือนกันพร้อมกับมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบและอาการหูดับเพิ่ม ทีมแพทย์จึงได้น้ำเลือดของผู้ป่วยไปทำการเพาะเชื้อใน 3-5 วันและปรากฏว่าผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส ทุกราย โดยแต่ละคนมีประวัติการทานหมูดิบ และในขณะนี้มีผู้ป่วยที่เข้ามาทำการรักษาด้วยอาการเดียวกันทั้งหมด 15 รายและได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส ทั้งหมด 13 ราย โดยมีผู้เสียชีวิต 3 รายจากการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง ไตวาย ตับวาย และระบบทางเดินหายใจล้มเหลว

หลังจากที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวจากสำนักข่าวหลายแห่งและเป็นที่ตื่นตระหนกสำหรับประชาชนทั่วไป ทางบรรณาธิการของเราจึงได้มีการเชิญชวนผู้เชี่ยวชาญทางด้านพยาธิวิทยามาเป็นแขกรับเชิญเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส ซึ่งทำให้เกิดโรคหูดับ รวมถึงได้เชิญผู้ให้การสนับสนุนการสร้างสรรค์เนื้อหาสาระข่าว มาให้วิธีการดูแลป้องกันตนเองเพื่อให้ห่างไกลจากโรคหูดับ โดยแบ่งการให้สัมภาษณ์เป็น 2 ช่วง ดังนี้

ผู้สัมภาษณ์: สวัสดีครับคุณเกริกไกร วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีเลยทีเดียวที่เราได้เชิญคุณเกริกไกรมาให้สัมภาษณ์ร่วมกับผู้ให้การสนับสนุนของเรา เพราะโรคหูดับที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยและเป็นประเด็นที่น่าสนใจในวงการแพทย์ตอนนี้ถือว่าเป็นประเด็นร้อนไม่ต่างอะไรกับโควิด-19 ผมอยากจะให้คุณเกริกไกรช่วยอธิบายให้เราทราบได้ไหมครับว่าการติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส นี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

คุณเกริกไกร: ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส ตัวนี้กันก่อนนะครับ อันที่จริงแล้วเชื้อตัวนี้สามารถทำให้เกิดโรคไข้หูดับหรืออีกอย่างหนึ่งที่เราเรียกว่าอาการหูดับฉับพลันนั้นเอง โดยเป็นเชื้อที่สามารถติดต่อจากสัตว์ชนิดหนึ่งไปสู่สัตว์ชนิดอื่นได้แล้วยังเป็นเชื้อที่สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน โดยเดิมทีแล้วในสัตว์ เชื้อโรคนี้ไม่ได้ทำให้เกิดโรคแต่อย่างใดครับ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเราอ่อนแอและร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เข้าไปก็จะทำให้สัตว์ตัวนั้นป่วยและตายได้ สำหรับในมนุษย์เราเองก็จะเกิดอาการเช่นเดียวกันซึ่งอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

สำหรับสาเหตุของการเกิดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส นี่ก็คือการที่ฟาร์มสัตว์เลี้ยงหรือสถานที่เลี้ยงสัตว์นั้นไม่มีสุขภาพอนามัยที่สะอาดเพียงพอ รวมถึงคอกสัตว์สกปรกไม่ได้รับมาตรฐาน มีความอับชื้น ทำความสะอาดไม่ทั่วถึง จนทำให้เชื้อตัวนี้ก่อขึ้นมา โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะพบในหมู แต่ไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์ประเภทนี้อย่างเดียวนะครับมีสัตว์อื่น ๆ ที่สามารถติดเชื้อชนิดนี้ได้เช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็น หมูป่า สุนัข ม้า และแมว ก็สามารถติดเชื้อได้ 

ผู้สัมภาษณ์: แล้วการติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส ในคนเกิดจากการทานเนื้อหมูดิบอย่างเดียวหรือเปล่าครับ?

คุณเกริกไกร: จากแหล่งข่าวหลายแห่งและการพูดถึงเชื้อโรคตัวนี้ในคนส่วนใหญ่ก็จะบอกว่ามาจากการทานเนื้อหมูดิบใช่ไหมล่ะครับ? แต่อันที่จริงแล้วการติดเชื้อตัวนี้ในคนสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ถึง 2 ทางด้วยกัน ครั้งแรกนั่นก็คือการทานเนื้อหมูดิบ หรือเมนูกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น ลาบ เนื้อย่าง ที่ไม่ได้รับการปรุงสุกทั้งหมด และอีกทางนั่นก็คือการติดเชื้อผ่านการสัมผัสในบริเวณที่มีบาดแผล เยื่อบุตา มีรอยถลอก ก็สามารถติดเชื้อได้ โดยไม่จำเป็นต้องทานเนื้อหมูดิบเลย เช่น คนที่มีรอยถลอกหรือบาดแผลบริเวณนิ้วมือแล้วสัมผัสกับเนื้อหมูที่ติดเชื้อ ก็สามารถรับเชื้อตัวนี้เข้ามาในร่างกายผ่านบาดแผลได้โดยตรง

หากคนที่มีบาดแผลไม่มีการสวมถุงมือแล้วไปสัมผัสกับเนื้อสัตว์ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้นไม่เพียงเท่านี้นะครับในบางรายที่มีการสูดดมเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส เข้าไปผ่านทางจมูกก็สามารถติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ โดยเชื้อจากวิ่งเข้าสู่กระแสโลหิต แล้วไปยังสมองจนถึงขั้นเสียชีวิต

อย่างที่แหล่งข่าวที่คุณได้นำเสนอมาเราจะเห็นได้ว่าหลังจากที่คนไข้ติดเชื้อก็จะมีอาการไข้หนักมากขึ้น แล้วยังมีอาการไตวาย ตับวาย จนถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง แล้วยังทำให้เกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบซึ่งเป็นอาการทางประสาท และในหลายรายที่เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรง ก็จะทำให้เสียชีวิตกะทันหันได้เลยครับ 

ผู้สัมภาษณ์: โอ้โห! ฟังดูแล้วโรคไข้หูดับนี้ไม่ได้เป็นโรคที่ไว้ใจได้เลยนะครับ เพราะสามารถติดได้จากสัตว์สู่สัตว์แล้วยังสามารถติดเชื้อได้ง่ายในคนเราอีกด้วย คุณเกริกไกรช่วยอธิบายอาการของโรคไข้หูดับให้เราเพิ่มเติมหน่อยได้ไหมครับว่าหลังจากที่เกิดการติดเชื้อแล้วอาการจะเป็นอย่างไรบ้าง?

คุณเกริกไกร: ได้ครับ ผมเองก็อยากจะอธิบายเกี่ยวกับอาการของโรคไข้หูดับมีให้กับประชาชนทั่วไปได้รับทราบเช่นเดียวกัน เพราะถือว่าเป็นอาการที่ดูเหมือนไข้ปกติทั่วไป แต่มีอาการที่น่ากลัวแฝงอยู่ โดยหลังจากที่ร่างกายมนุษย์ของเราได้รับเชื้อตัวนี้เข้าไปเชื้อจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 1 ถึง 14 วัน แต่หลังจากที่รับเชื้อไปไม่เกิน 3 วันจะมีอาการขั้นต้นที่สามารถพบได้บ่อยนั่นก็คือ

■ อาการที่มีไข้ขึ้นสูงเฉียบพลัน
■ มีการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวและข้อ
■ เวียนศีรษะ อยากอาเจียน
■ บางรายจะมีจ้ำเลือดตามผิวหนัง
■ มีอาการคอแข็ง

ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถทำให้เกิดการชักได้ครับ หากปล่อยอาการเหล่านี้ต่อไปโดยไม่รีบทำการรักษาก็จะทำให้เชื้อเข้าสู่กระแสเลือดแล้วไปยังสมอง โดยทำให้เกิด

■ อาการเยื่อหุ้มสมอง ข้อ ม่านตา หัวใจ อักเสบ
■ เกิดหนองบริเวณปลายประสาทรับเสียง และปลายประสาททรงตัว
■ มีอาการหูอื้อ หูตึง จนกลายเป็นหูหนวกฉับพลันในระยะเวลาสั้น ๆ

การปล่อยให้เชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส ลุกลามไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดความรุนแรงยิ่งกว่าเดิมได้ครับ ซึ่งร่างกายจะเกิดภาวะช็อคจากการได้รับพิษจากเชื้อแบคทีเรียหรือที่เราเรียกว่า toxic shock syndrome และเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ในทันที ในผู้ป่วยบางรายที่ไม่เสียชีวิตก็จะทำให้เกิดความพิการได้ ไม่ว่าจะเป็น อัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตาบอด สูญเสียการทรงตัว และหูหนวกถาวร 

ผู้สัมภาษณ์: แล้วหากเราต้องการที่จะหลีกเลี่ยงจากการติดเชื้อโรคนี้เราจะสามารถทำได้อย่างไรบ้างครับ ในฐานะเราก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปที่เราเองก็ไม่ทราบว่าเนื้อหมูหรือเนื้อสัตว์ที่เราทานเข้าไปนั้นจะมีเชื้อโรคสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส ที่ทำให้เกิดไข้หูดับหรือเปล่า

คุณเกริกไกร: เป็นคำถามที่ดีเลยนะครับ เพราะหลายคนคิดว่าแค่ทานอาหารปรุงสุกก็เพียงพอแล้ว แต่แต่ครั้งเชื้อโรคไม่ได้เข้าสู่ร่างกายผ่านการทานอาหารเท่านั้นแต่อย่างที่ผมบอกไปว่ามันสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผลที่อยู่บนผิวหนังของเราได้ หรือแม้กระทั่งเชื้อโรคกระเด็นเข้าสู่ดวงตาก็ทำให้เกิดการติดเชื้อได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นผมอยากจะเสนอวิธีการป้องกันตนเองจากโรคไข้หูดับนี้ให้กับพี่น้องประชาชนทั่วไปได้ทราบและทำความเข้าใจกันอย่างถูกต้องดังต่อไปนี้ครับ 

1. อย่างแรกเลยก็คือสำหรับคนที่มีอาชีพเลี้ยงหมูหรือต้องทำงานใกล้ชิดอยู่กับหมูก็ควรจะมีการ “ป้องกันสุขภาพ” ของตัวเองอย่างเคร่งครัดรัดกุมระหว่างการทำงานตลอดเวลา โดยปกติแล้วในฟาร์มเลี้ยงจะต้องมีการปฏิบัติตามนโยบายของกรมปศุสัตว์อยู่แล้วครับ แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าทางฟาร์มเองจะปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อได้มากน้อยแค่ไหนด้วย 

2. ต่อมาก็เป็นเรื่องของการ “เลือกซื้อเนื้อหมู” วิธีการเลือกซื้อมันก็ไม่ได้มีอะไรยากเลยครับเพียงแค่เลือกเนื้อหมูที่ไม่มีกลิ่นคาวหรือสีคล้ำควรเลือกซื้อจากแหล่งผลิตที่มีการตรวจสอบมาตรฐานจากกรมปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด 

3. สำหรับคนที่ต้องสัมผัสเนื้อหมู เช่น พ่อครัว แม่ครัว หรือคนที่ทำอาหารนั้นก็ควร “สวมถุงมือ” ทุกครั้ง แม้ว่าจะมีหรือไม่มีบาดแผลตามผิวหนังก็ตาม ควรมีการปิดแผลให้มิดชิด รวมถึงส่วนอุปกรณ์เพื่อรักษาสุขอนามัยในการปรุงอาหารอย่างรัดกุมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ควรมีการแยกอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร เช่นอุปกรณ์ในการหยิบเนื้อดิบกับอุปกรณ์หยิบเนื้อสุกแยกออกจากกันให้ชัดเจน 

4. ในฐานะผู้บริโภคที่ทำอาหารเองคุณ “ควรปรุงอาหารให้สุกเสมอ” โดยมีอุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียสอย่างน้อย 10 นาทีขึ้นไป ให้แน่ใจว่าเนื้อที่นำมาใช้ปรุงไม่มีสีแดงและเลือดบนชิ้นเนื้อ ซึ่งเนื้อทั้งหมดสุกทั้งหมดก่อนทานเสมอ

5. สุดท้ายคือการดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดีอยู่เสมอและป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโรคไข้หูดับ เช่นกันบริโภค “อาหารเสริม” เพื่อสร้างเกราะป้องกันให้ตนเอง และอย่างที่ผมเคยได้แนะนำผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคมาแล้วนั่นก็คือ Eranol นั่นเองครับ

ผู้สัมภาษณ์: ผมเห็นด้วยกับคุณเกริกไกรเลยครับเพราะไม่ใช่เพียงแค่ผู้บริโภคเท่านั้นที่จะต้องมีการดูแลป้องกันสุขภาพของตนเอง แต่การป้องกันเชื้อโรคหูดับนี้ควรช่วยกันป้องกันตั้งแต่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์จนถึงผู้บริโภค แสดงว่าคนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อนี้จะมีเพียงแค่คนที่ทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบเท่านั้นหรือเปล่าครับ?

คุณเกริกไกร: จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ครับ เพราะหลายคนที่มีร่างกายแข็งแรงมากหากได้รับเชื้อตัวนี้เข้าไปร่างกายก็จะกำจัดได้แต่ส่วนใหญ่แล้วหากติดเชื้อเข้าไป คนไข้ส่วนใหญ่เองก็ไม่สามารถทนทานต่อการติดเชื้อได้อยู่ดีครับ คุณอาจจะยังไม่ทราบว่าจากการสำรวจของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราพบว่าคนที่อายุน้อยที่สุดที่เกิดการติดเชื้อโรคหูดับนั้นมีอายุเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้นเองครับ ผมขอแบ่งประเภทคนที่มีโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อตามกลุ่มดังต่อไปนี้ 

กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต
กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ติดสุราเรื้อรัง จะทำให้ร่างกายอ่อนแอและติดเชื้อได้ง่าย รวมทั้งคนที่ดื่มสุรามักจะชอบทานกับแกล้มที่เป็นเมนูดิบด้วยเช่นกัน
กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่มีอาชีพเกี่ยวกับการเลี้ยงหมูหรือจะต้องใกล้ชิดกับหมู
กลุ่มที่ 4 กลุ่มที่ทานเนื้อสัตว์สุก ๆ ดิบ ๆ เป็นประจำ

เห็นไหมครับว่าคนในแต่ละกลุ่มนั้นมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคไข้หูดับกันได้ โดยบางคนไม่ต้องทานเนื้อสัตว์สุก ๆ ดิบ ๆ อยู่เป็นประจำก็สามารถติดเชื้อได้ง่ายโดยเฉพาะคนที่มีร่างกายอ่อนแอ เดี๋ยวนี้ล่ะครับจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากแนะนำให้คนทั่วไปได้ทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสุขภาพหูเพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันโรคไข้หูดับนี้ อย่าง Eranol เองก็ไม่ได้มีราคาสูง ประชาชนทั่วไปจึงสามารถซื้อได้ง่ายกว่าอาหารเสริมแบบอื่นและอุปกรณ์การแพทย์อื่น ๆ

แต่ถ้าจะให้ผมพูดถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ผมอยากให้ทุกคนได้รับฟังและรับรู้จากการให้สัมภาษณ์ของผู้สนับสนุนซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายและทีมงานพัฒนา Eranol นะครับ

ผู้สัมภาษณ์: ขอบคุณคุณเกริกไกรมากครับที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการติดเชื้อโรคไข้หูดับกับเราเพิ่มเติม แล้วสิ่งที่เราสนใจนั่นก็คือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ชื่อว่า Eranol ตามที่คุณเกริกไกรได้แนะนำมานั่นเองครับ ถ้าอย่างนั้นเราขอเรียนเชิญคุณพรหมเทพ กิตติยาแก้วกำเนิด ผู้สนับสนุนการทำเนื้อหาข่าวของเรามาโดยตลอดมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า Eranol กันดีกว่าครับ คุณพรหมเทพพอจะแนะนำเราได้ไหมครับว่าทำไมผลิตภัณฑ์ตัวนี้ถึงได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน

คุณพรหมเทพ: ผมขอขอบคุณคุณเกริกไกรและทีมงานบรรณาธิการมากครับที่ให้เกียรติผมมาให้สัมภาษณ์ในวันนี้ ได้เลยครับ ผมก็ต้องขอบอกว่าโรคไข้หูดับนี้เป็นหนึ่งในโรคที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เป็นโรคที่ทางกรมสาธารณสุขได้ออกมาพูดถึงกันอย่างกว้างขวางแต่จะพูดถึงก็ต่อเมื่อมีผู้ป่วยได้รับการยืนยันว่ามีการติดเชื้อ แต่จำเป็นต้องออกมาเพื่อที่จะป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเท่านั้นเองครับ 

Eranol จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทางทีมงานและทีมวิจัยของเราได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อที่จะให้ประชาชนทั่วไปนั้นได้ดูแลสุขภาพการได้ยินของตัวเอง สำหรับในต่างประเทศนั้นผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรสาธารณสุขเองก็จะแนะนำให้ประชาชนได้ทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพของตนเองในระยะยาว ไม่เพียงแค่นำเสนอเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อ หรือการทานอาหารเท่านั้นครับ เพราะอาหารเสริมเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายของเราให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น เมื่อร่างกายของเราแข็งแรงและมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี ก็จะสามารถกำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกายได้โดยไม่ต้องพึ่งยาปฏิชีวนะ หรือต้องทานยาเพื่อกำจัดเชื้อ ซึ่งแน่นอนว่าการทานยาในระยะยาว ส่งผลให้ร่างกายต้องทำงานหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดการดื้อยา หรือในรายที่มีอาการรุนแรงก็จะสามารถเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้หลายอาการเลยทีเดียว 

ผู้สัมภาษณ์: ผมเห็นด้วยกับคุณพรหมเทพมากครับ และหลายครั้งประชาชนทั่วไปก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรคและการทานอาหารเสริมมากพอที่จะดูแลตัวเองเลย คุณผมเทพช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตัวนี้ให้กับเราเพิ่มได้ไหมครับว่ามันสามารถช่วยดูแลสุขภาพหูของเราได้อย่างไรบ้าง?

คุณพรหมเทพ: ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีความโดดเด่นตรงที่ว่าถูกผลิตและคิดค้นจากสารสกัดธรรมชาติเข้มข้นสูง ซึ่งในสารสกัดนั้นประกอบไปด้วยสารอาหารที่ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสุขภาพหู เพราะเป็นเม็ดฟู่ที่ละลายน้ำชงแล้วดื่มได้เลยทันที โดยหลังจากที่ดื่มเข้าไปร่างกายจะสามารถดูดซึมผ่านทางกระเพาะอาหารโดยไม่จำเป็นต้องรอให้ย่อยถึงลำไส้เล็กหรือลำไส้ใหญ่เหมือนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมรูปแบบแคปซูลหรือรูปแบบเม็ดทั่วไปนั่นเองครับ 

สำหรับส่วนประกอบจากธรรมชาติที่บรรจุในเม็ดฟู่นี้ประกอบไปด้วย สารสกัดจากทับทิบ (Pomegranate Extract) สารสกัดจากกระเทียม (Garlic extract) แมกนีเซียม อะมิโน แอซิด คีเลต (Magnesium Amino Acid Chelate) อะมิโน พรีมิกซ์ (Vitamin B Premix) ซิงค์ อะมิโน เอซิด เซเลท (Zinc amino acid chelate) ซึ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ให้คอเคลียในหูให้แข็งแรงขึ้น ช่วยลดการสูญเสียการได้ยินที่เกิดขึ้นชั่วคราวและถาวร นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการสูญเสียการได้ยินจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในคอเคลียในหู ในงานวิจัยวิชาการเกี่ยวกับการแพทย์เพื่อการรักษาแบบใหม่ก็มีการแนะนำให้ผู้ป่วยได้ทานสารสกัดจากทับทิบเข้มข้นเพื่อป้องกันการเกิดการสูญเสียการได้ยินในวัยสูงอายุด้วยครับ

ผู้สัมภาษณ์: แล้วการทานอาหารเสริมตัวนี้มีวิธีการทานอย่างไรครับ?

คุณพรหมเทพ: ง่าย ๆ เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถทานได้ ใน 1 กล่องนั้นจะบรรจุทั้งหมด 10 เม็ดด้วยกัน เพียงแค่คุณละลาย 1 เม็ดลงในน้ำเปล่า รอให้เม็ดฟู่ละลายทั้งหมดก็สามารถดื่มได้เลยก่อนอาหารเช้าทุกวันเพื่อดูแลและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทการได้ยินครับ 

แล้วอย่างที่ทางบรรณาธิการได้นำเสนอข่าวไปนะครับว่าคนที่ป่วยเป็นโรคไข้หูดับนั้นจะมีอาการหูหนวกหรือสูญเสียการได้ยินถาวรไปเลย ซึ่งทางเราก็อยากจะนำเสนอเกี่ยวกับงานวิจัยที่เราได้ทำมาเช่นเดียวกันครับ โดยงานวิจัยของเราได้ยืนยันว่าผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยส่วนประกอบจากธรรมชาติที่เรานำมาใช้บรรจุในเม็ดฟู่ Eranol นี้ สามารถมีประสบการณ์การได้ยินที่ดีขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้รับประทานผลิตภัณฑ์ของเราเลย ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จึงได้รับการยืนยันและเป็นที่ยอมรับว่ามีความปลอดภัย แล้วยังมีความสะดวกกว่าการใช้สเตียรอยด์เพื่อเพิ่มพัฒนาการได้ยินในผู้ป่วยได้ด้วยครับ

ผู้สัมภาษณ์: ฟังดูแล้วเป็นอาหารเสริมที่มีความน่าสนใจและให้ผลลัพธ์ได้มากเลยทีเดียว แล้วทางผู้อ่านของเราจะซื้อผลิตภัณฑ์นี้ได้จากที่ไหนครับ?

คุณพรหมเทพ: สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการดูแลสุขภาพหูของตนเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการได้ยินของหูนั้นสามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ เลยครับ เพราะทางเราจะจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์โดยตรง ไม่มีการจัดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ร้านขายยา หรือตัวแทนจำหน่ายใด ๆ ซึ่งทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีราคาที่ถูก

ซึ่งเรายังมีส่วนลดให้กับผู้อ่านจากบรรณาธิการของเว็บไซต์นี้ เพื่อเป็นการขอบคุณ และเพื่อให้ประชาชนทั่วไปมีโอกาสดูแลสุขภาพระบบประสาทการได้ยินของตนเองได้อย่างทั่วถึงโดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ ในช่วงการแพร่ระบาดและในโอกาสพิเศษนี้เราจึงอยากมอบส่วนลดให้กับผู้อ่าน 50% ด้วยครับ

ผู้สัมภาษณ์: ขอบคุณคุณพงษ์เทพมากเลยครับที่มีโปรโมชั่นส่วนลดมีให้กับผู้อ่านของเราด้วย ทั้งนี้ก่อนจากกันเราขอให้คุณพรหมเทพและคุณเกริกไกรได้ฝากอะไรถึงผู้อ่านของเราด้วยได้ไหมครับ?

คุณพรหมเทพ: สำหรับทางผมเองอยากให้ประชาชนคนไทยของเราได้หันมาดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น ไม่เพียงแค่เรื่องของการเลือกทานอาหารที่ปรุงสดใหม่เท่านั้น แต่ควรมีการเลือกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายตนเองในระยะยาว เพราะชีวิตเราไม่ได้อยู่แค่ถึงวันนี้พรุ่งนี้เท่านั้น แต่เรายังอยู่อีกนาน การดูแลสุขภาพในระยะยาวด้วยอาหารเสริม เลยเป็นทางเลือกของคนสมัยใหม่และคนที่ต้องการดูแลสุขภาพของตัวเองในระยะยาว ซึ่งในต่างประเทศก็ได้เริ่มปลูกฝังการทานอาหารเสริมที่เหมาะสมกับร่างกายของตัวเองกันไปแล้วครับ ทีนี้ก็อยู่ที่ประเทศของเราแล้วเราว่าเราจะหันมาดูแลตัวเองมากกว่าการเลือกทานอาหารที่ไม่ใช่แค่อาหารสุกเท่านั้น แต่เป็นอาหารเสริมที่ร่างกายต้องการด้วยเช่นกัน

คุณเกริกไกร: ในฐานะที่ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญและให้ข้อมูลกับประชาชนทั่วไป ผมเองก็อยากแนะนำให้ประชาชนคนไทยของเราปลูกฝังนิสัยการทานที่ดีขึ้นมาใหม่ด้วยเช่นกันครับ ผมเองก็เห็นด้วยกับคุณพรหมเทพที่ว่าเราไม่ได้มีชีวิตอยู่แค่วันนี้พรุ่งนี้เท่านั้น แต่เรายังอยู่กันอีกนาน ฉะนั้นการดูแลสุขภาพของตัวเองในระยะยาวจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่แพ้การดูแลสุขภาพของตัวเองในระยะสั้น การมีตัวช่วยเรื่องอาหารอย่างผลิตภัณฑ์ที่กล่าวไปนั้นก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีเช่นเดียวกันครับ

โรคไข้หูดับถือเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่อาจเกิดขึ้นโดยที่หลายคนไม่รู้ตัว บางครั้งการติดเชื้ออาจเกิดจากการสัมผัสเนื้อหมูผ่าตัดแผลเล็ก ๆ บนผิวหนังของเรา ซึ่งไม่จำเป็นต้องทานเนื้อหมูเข้าไปก็สามารถติดเชื้อได้ทันที การทานเมนูสุก ๆ ดิบ ๆ ที่เป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คนนั้นอาจมีโรคไข้หูดับที่แฝงมาพร้อมกับความอร่อย การดูแลสุขภาพที่ดีนั้นจึงควรทานเนื้อหมูที่ปรุงสุกสดใหม่ และมีการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับระบบประสาทการทำงานของหูให้ดีเพื่อป้องกันโรคหูดับที่อาจเกิดขึ้นจากนิสัยการทานได้