1474

TH

EN

ชุมชนคนใส่ใจสุขภาพ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอข้อมูลรูปแบบต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์และประสบการณ์ที่ดีต่อท่าน        อ่านเพิ่มเติม
ยอมรับ
หน้าแรก
สาระสุขภาพ
คุณเป็นความดันโลหิตสูงรึเปล่า?
บทความล่าสุด
รู้ได้อย่างไร? ปวดหัวไมเกรน
การใช้น้ำตาเทียมภายหลังการผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์
โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD) อาการคล้ายโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) แต่อันตรายกว่า
โรคหัวใจ ใครเสี่ยง?
{today}
คุณเป็นความดันโลหิตสูงรึเปล่า?
ความดันโลหิตสูง ภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตอยู่ในระดับสูงผิดปกติ เป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
ความดันโลหิตคืออะไร?
ความดันโลหิต เป็นแรงดันเลือดที่เกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ซึ่งวัดได้ 2 ค่า ได้แก่
  - ความดันโลหิตค่าบน คือ แรงดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัวเต็มที่
    - ความดันโลหิตค่าล่าง คือ แรงดันโลหิตขณะที่หัวใจคลายตัวเต็มที่
ความดันโลหิตสูงคืออะไร?
     ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตอยู่ในระดับสูงผิดปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งอาจไม่แสดงอาการแต่จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ไตวาย เป็นต้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม อาจทำให้ผู้ป่วยทุพพลภาพหรือเสียชีวิตได้
จุดมุ่งหมายในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง
เพื่อลดอัตราการเกิดทุพพลภาพและเสียชีวิตของผู้ป่วยที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ โดยค่าความดันโลหิตเป้าหมายในการรักษา คือ
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงทั่วไป ควรมีค่าความดันโลหิตต่ำกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท
ตัวบน 120 – 130 มิลลิเมตรปรอท
ตัวล่าง 70 – 79 มิลลิเมตรปรอท
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีเบาหวานหรือไตเสื่อมร่วมด้วย ควรมีค่าความดันโลหิตต่ำกว่า 130/80 มิลลิเมตรปรอท
วิธีการวัดความดันโลหิตที่บ้าน
  • ไม่ดื่มชา กาแฟ สูบบุหรี่ หรือออกกำลังกายก่อนทำการวัด 30 นาที
  • ก่อนทำการวัดควรถ่ายปัสสาวะให้เรียบร้อย
  • นั่งเก้าอี้โดยให้หลังพิงพนักเพื่อไม่ให้หลังเกร็งเท้าทั้ง 2 ข้างวางราบกับพื้น เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายเป็นเวลา 5 นาที ก่อนวัดความดันโลหิต
  • วัดความดันโลหิตในแขนข้างที่ไม่ถนัด หรือข้างที่มีความดันโลหิตสูงกว่า โดยวางแขนให้อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ
  • ขณะวัดความดันโลหิตไม่กำมือ ไม่พูดคุย หรือขยับตัว
ในการวัดค่าความดันโลหิตแต่ละครั้งควรใช้วิธีการวัดให้ถูกต้อง พร้อมจดบันทึกตัวเลขค่าความดันโลหิตตัวบนและตัวล่างรวมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจในสมุดประจำตัวผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โดยวัดค่าความดันโลหิตอย่างน้อยวันละ 2 ช่วงเวลา ได้แก่
  • ช่วงเช้า วัดความดันโลหิตอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 1 - 2 นาที ภายใน 2 ชั่วโมงหลังตื่นนอน และก่อนรับประทานยาลดความดันโลหิต
  • ช่วงก่อนเย็น วัดความดันโลหิตอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 1 - 2 นาที
อาการของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
 ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ แต่บางรายพบว่ามีอาการปวดหัว เวียนหัว มึนงง และเหนื่อยง่ายผิดปกติ ซึ่งหากมีภาวะความดันโลหิตสูงนานๆ แต่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้อวัยวะสำคัญต่างๆ ในร่างกายถูกทำลาย ได้แก่ หัวใจ สมอง ไต หลอดเลือด และตา เนื่องจากภาวะความดันโลหิตสูงจะทำให้ผนังหลอดเลือดแดงหนาตัวขึ้นและรูเล็กลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้น้อยลง ส่งผลให้อวัยวะเหล่านั้นทำงานไม่เป็นปกติ และหากถูกทำลายอย่างรุนแรงอาจส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
  • ลดน้ำหนัก ในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกิน
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรจำกัดปริมาณให้น้อยกว่าวันละ 1 แก้ว
  • งดสูบบุหรี่
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การเกิดภาวะแทรกซ้อนแบ่งได้ 2 กรณี คือ
  • ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงโดยตรง เช่น หัวใจวาย
  • ภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดตีบหรือตัน
  • หากเกิดบริเวณหลอดเลือดหัวใจ จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรังหรือเฉียบพลัน ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
  • หากเกิดที่บริเวณหลอดเลือดในสมอง จะทำให้หลอดเลือดในสมองตีบหรืออุดตัน และอาจทำให้เป็นอัมพาต
  • หากเกิดบริเวณไต อาจทำให้ไตวายได้
อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตทั้งเรื่องการรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ การออกกำลังกาย และการปรับพฤติกรรมให้มีสุขภาพดี เช่น งดสูบบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ เป็นต้น สามารถช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และช่วยลดความดันโลหิตได้
ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
1. ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือใกล้เคียงปกติ
โดยค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index; BMI) ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 18.5 – 22.9 กิโลกรัมต่อเมตรกำลังสอง หรือรักษาระดับเส้นรอบเอวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (ในผู้ชายน้อยกว่า 90 เซนติเมตรหรือ 36 นิ้ว ส่วนผู้หญิงน้อยกว่า 80 เซนติเมตรหรือ 32 นิ้ว หรือวิธีการคำนวณอย่างง่ายไม่เกินส่วนสูง (เซนติเมตร) หารสอง)
ตัวอย่างการคำนวณ เช่น ผู้ป่วยน้ำหนัก 65 กิโลกรัม ส่วนสูง 155 เซนติเมตร
คำนวณดัชนีมวลกาย = 65 ÷ (1.55 x 1.55) = 27.05 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
คำนวณเส้นรอบเอวที่เหมาะสม = 155 ÷ 2 = 77.5 เซนติเมตร
ในกรณีที่มีน้ำหนักตัวเกิน การลดน้ำหนักลงร้อยละ 5 ของน้ำหนักตั้งต้นขึ้นไปจะส่งผลให้ความดันโลหิตลดลงเทียบเท่ากับยาลดความดันโลหิต 1 ชนิด
1. การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy diet)
ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ โดยใช้หลักการ อาหารจานสุขภาพ (Plate method) หรือ ทฤษฎี 2:1:1 “ผัก 2 ส่วน : ข้าว 1 ส่วน : เนื้อสัตว์ 1 ส่วน” การรับประทานผักผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายได้รับโพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม และใยอาหารที่ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้
  • ผัก 2 ส่วน หรือครึ่งจาน เลือกรับประทานผักชนิดใดก็ได้ ทั้งผักสดหรือผักสุก ควรรับประทานให้หลากหลาย และล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน
  • ข้าวแป้ง 1 ส่วน หรือ 1/4¼ ของจาน เช่น ข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง ธัญพืช (ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ลูกเดือย) ฟักทอง เผือก มัน แนะนำให้เลือกแบบไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง เส้นหมี่กล้อง เพราะมีใยอาหารสูง
  • เนื้อสัตว์ 1 ส่วน หรือ 1/4¼ ของจาน เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดหนัง ไม่ติดมัน เลี่ยงอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม หมูยอ เบคอน กุนเชียง แหนม เป็นต้น
  • ผลไม้ 4 จานเล็กต่อวัน แบ่งทาน 4 มื้อ เช่น ผลไม้ผลใหญ่กว่ากำปั้น½ ผล หรือผลไม้เป็นผลขนาดกลาง 1 ผล หรือผลไม้เป็นผลขนาดเล็ก 2 - 4 ผล หรือผลไม้หั่นพอดีคำประมาณ 6 - 8 ชิ้น หรือปริมาณผลไม้ที่วางเรียงชั้นเดียวบนจานรองกาแฟได้พอดี 1 จาน
  • นม และผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ หรือปราศจากไขมัน 1 - 2 แก้วต่อวัน หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติไขมันต่ำ หรือปราศจากไขมัน 1 - 2 ถ้วยต่อวัน หรือนมถั่วเหลืองหวานน้อย 1 - 2 แก้วต่อวัน
  • น้ำตาล น้ำมัน เกลือให้ใช้แต่น้อย
ไม่แนะนำให้ทานสมุนไพรใดๆ รวมถึงโพแทสเซียม และ/หรือแมกนีเซียม ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อหวังผลในการลดความดันโลหิต ยกเว้นเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์
1. จำกัดโซเดียมในอาหารน้อยกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน (โซเดียม 2,000 มิลลิกรัม เทียบเท่าเกลือแกง 1 ช้อนชา)
โซเดียม คือ เกลือแร่ชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยโซเดียมจะทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของเหลวในร่างกาย รักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจด้วย) ตลอดจนมีส่วนช่วยในการดูดซึมสารอาหารบางอย่างที่ไตและลำไส้เล็ก หากรับประทานโซเดียมมากเกินไปอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ดังนั้น การจำกัดโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้
โดยในอาหารที่ไม่ได้ปรุงแต่งจะมีโซเดียมประมาณ 800 มิลลิกรัมต่อวัน และสามารถปรุงแต่งอาหารเพิ่มจากเครื่องปรุงอื่นๆ ได้อีกไม่เกิน 1,200 มิลลิกรัม เช่น ซีอิ๊ว หรือน้ำปลา 3 ช้อนชาต่อวัน ไม่แนะนำเครื่องปรุงประเภทลดโซเดียม เพราะเครื่องปรุงเหล่านี้มีส่วนผสมของเกลือโพแทสเซียม อาจส่งผลเสียต่อผู้มีโรคไต และโรคหัวใจได้
ตัวอย่างอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง
  • เครื่องปรุงรส เช่น เกลือ น้ำปลา ซอสปรุงรส ซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม น้ำบูดู น้ำปลาร้า ผงหรือก้อนปรุงรส ผงชูรส ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก เป็นต้น
  • สารปรุงแต่งอาหารที่ไม่มีรสเค็ม เช่น ผงฟูที่ใช้ทำเบเกอรี่ แป้งที่ใช้ชุบเนื้อ หรือผักทอด สารกันบูด สารกันเชื้อราในขนมปัง เป็นต้น
  • ขนมปัง/เบเกอรี่ เช่น ขนมเค้ก โดนัท ครัวซองค์ แคกเกอร์ คุกกี้ เป็นต้น
  • อาหารหมักดอง อาหารแปรรูป เช่น ผักกาดดอง ตั้งฉ่าย ลูกบ๊วยเค็ม ลูกบ๊วยหวาน ฝรั่งดอง ลูกสมอดอง มะม่วงดอง ปลาเค็ม เนื้อสวรรค์ หมูแผ่น เต้าเจี้ยว เป็นต้น
  • น้ำจิ้ม/เครื่องจิ้มชนิดต่างๆ น้ำพริกต่างๆ เช่น น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มไก่ น้ำปลาหวาน พริกเกลือ เป็นต้น
  • อาหารประเภทขนม เช่น ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด สาหร่ายปรุงรส ปลาเส้น ข้าวเกรียบ ข้าวตังเสวย ขนมครองแครง ขนมที่ใส่กะทิ รวมทั้งขนมหรืออาหารแปรรูปอื่นๆ เป็นต้น
  • อาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป อาหารกล่องแช่แข็ง เป็นต้น
 เคล็ดลับการจำกัดโซเดียม
  • ชิมอาหารก่อนปรุง เพราะบางร้านค้าปรุงอาหารรสจัดอยู่แล้ว
  • ใช้เครื่องเทศในการปรุงรสอาหาร เช่น มะนาว กระเทียม กะเพรา พริก ยี่หร่า ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เพราะอาหารรสชาติอ่อนเค็มก็สามารถทำให้อร่อยได้ โดยอาจใช้รสเปรี้ยวหรือเผ็ดนำ
  • หากต้องการรับประทานขนมขบเคี้ยว ควรเลือกที่มีส่วนประกอบของโซเดียมน้อยที่สุด โดยอ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้อ
  • หากรับประทานอาหารที่มีน้ำซุปเค็มมาก ควรรินน้ำซุปออกบางส่วน แล้วเติมน้ำเปล่าแทน จะช่วยลดปริมาณโซเดียม หรือกินแต่เนื้อเหลือน้ำเอาไว้ก็ได้
 ข้อแนะนำ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
  • งดสูบบุหรี่
  • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อาจส่งผลให้ระดับความดันโลหิตสูงกว่าปกติได้ชั่วคราว หากสงสัยแนะนำให้สอบถามแพทย์เพิ่มเติม
การออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
การออกกำลังกายเป็นวิธีในการลดน้ำหนักที่เหมาะสม ควรปฏิบัติอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที ไม่จำเป็นต้องวิ่ง แนะนำให้ออกกำลังกายโดยการว่ายน้ำหรือการเดินก็เพียงพอ
ข้อควรระวังในระหว่างออกกำลังกาย
ในระหว่างออกกำลังกาย หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ควรหยุดออกกำลังกายทันที
  • เหนื่อยมากผิดปกติ เช่น ไม่สามารถพูดในระหว่างออกกำลังกายเนื่องจากหายใจเร็วและลึก
  • เวียนศีรษะ ตามัว
  • หายใจไม่ออก หายใจไม่ทัน เจ็บแน่นหน้าอก
  • ชีพจรเต้นผิดปกติ ไม่สม่ำเสมอ
  • หน้ามืด เป็นลม หมดสติ หรือคลื่นไส้หลังออกกำลังกาย
  • พูดไม่ชัด ตะกุกตะกัก
  • เหงื่อออก ตัวเย็นผิดปกติ
  • แขน ขาไม่มีแรง ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้
  • ความดันโลหิตมากกว่า 160/110 มม.ปรอท ควรได้รับยาควบคุมความดันโลหิตก่อนออกกำลังกาย
หมายเหตุ: ไม่ควรออกกำลังกายหากความดันโลหิตขณะพักมากกว่า 180/110 มม.ปรอท และแนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์
อาการที่ควรรีบมาพบแพทย์
  • เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง คล้ายมีอะไรมาบีบรัดบริเวณตรงกลางหน้าอก อาจร้าวไปถึงขากรรไกรและแขนซ้าย อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก คลื่นไส้ หายใจลำบาก หน้ามืดคล้ายจะเป็นลมจนถึงหมดสติ
  • เจ็บบริเวณหน้าอกหรือท้องอย่างเฉียบพลันและรุนแรง มีอาการร้าวไปถึงหลัง
  • เหนื่อยง่ายผิดปกติ
  • ใจสั่น ชีพจรเต้นไม่เป็นจังหวะ
  • ปวดศีรษะเฉียบพลัน ร่วมกับอาการปวดตึงบริเวณท้ายทอยและอาเจียนร่วมด้วย
ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมักไม่รู้ตัวว่าโรคเริ่มต้นขึ้นแบบไม่มีอาการ ความดันที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอาจไม่ส่งสัญญาณเตือนใด ๆ ต่อร่างกาย คนส่วนใหญ่จึงมองข้ามสัญญาณรองอื่น ๆ และยังคงใช้ชีวิตตามปกติ

การไม่ตรวจพบและไม่รักษาความดันโลหิตสูงอย่างทันท่วงที ส่งผลให้เสียชีวิตถึง 98% ของผู้ป่วย

อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 ได้มีความเคลื่อนไหวและความก้าวหน้าเกิดขึ้นในการรักษาโรคนี้ สาเหตุเกิดจากการร่วมมือกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญกับหมอพื้นบ้านที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง

แพทย์พื้นบ้าน ซึ่งยังมีบทบาทอยู่ในบางพื้นที่ของประเทศไทย เป็นที่รู้จักจากการใช้สมุนไพรพื้นบ้านเพื่อบรรเทาอาการของโรค ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้า พวกเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสูตรสมุนไพรพื้นฐานชนิดหนึ่งได้สำเร็จ ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า Cardilite
Cardilite คือการพัฒนานวัตกรรมใหม่ของวงการแพทย์ไทย
ผลิตภัณฑ์นี้สามารถทำสิ่งที่แม้แต่ศัลยแพทย์ยังไม่สามารถทำได้ ได้แก่:
การชำระล้างผนังหลอดเลือดจากคอเลสเตอรอลชนิดอันตราย – วันแรกของการรับประทานยา คอเลสเตอรอลจะละลายและถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ
การเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด – จุดที่ผนังหลอดเลือดบางจะได้รับการฟื้นฟูด้วยสารพิเศษในส่วนผสมของ Cardilite ฟื้นฟูเซลล์และปกป้องไปในคราวเดียวกัน
การกำจัดและขับลิ่มเลือดรวมถึงคราบพลัคในหลอดเลือด – สารออกฤทธิ์ใน Cardilite จะช่วยชะล้างและละลายคราบสะสม ลิ่มเลือด และคราบไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือด ลิ่มเลือดที่ถูกละลายจะกระจายเข้าสู่กระแสเลือดและถูกกรองออกทางตับและไต แล้วขับออกทางปัสสาวะ
การทำให้เลือดบางลง – เลือดที่หนืดทำให้เกิดลิ่มเลือดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง Cardilite ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ควรดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอระหว่างการรักษา ออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ – เมื่อเลือดบางลง ก็สามารถไหลเวียนได้สะดวกทั่วระบบไหลเวียนโลหิต ผนังหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองจึงหมดไป ความดันโลหิตจะกลับมาอยู่ในระดับปกติด้วยผลลัพธ์ที่ครอบคลุมจาก Cardilite
Cardilite มีส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยใช้สารสกัดเฉพาะจากสมุนไพรและรากพืชที่หายากที่สุด ส่วนผสมเหล่านี้เคยถูกใช้ในการรักษามานานหลายศตวรรษ จึงมีประสิทธิภาพที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว Cardilite ทำงานได้รวดเร็ว ปลอดภัย และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ

การรับประทาน Cardilite นั้นง่ายมาก — ใช้รักษาเป็นประจำทุกวัน พร้อมดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ปริมาณน้ำที่เพียงพอจำเป็นต่อการช่วยให้ร่างกายกระตุ้นการทำงานของ Cardilite อย่างรวดเร็ว ทำความสะอาดหลอดเลือด และช่วยทำให้เลือดเจือจางขึ้น
ในความเป็นจริง Cardilite สามารถซื้อได้เฉพาะทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์จำหน่ายอย่างเป็นทางการของผู้พัฒนาเท่านั้น การขายออนไลน์ช่วยให้จัดส่งผลิตภัณฑ์ตรงถึงผู้ซื้อ พร้อมควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด และป้องกันสินค้าปลอมแปลงในตลาด

ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาล ตอนนี้มีโปรโมชั่นลดราคา 50% สำหรับการซื้อ Cardilite วันนี้เท่านั้น คุณมีโอกาสได้ซื้อ Cardilite ในราคาพิเศษที่คุ้มค่ามาก

โปรดทราบว่า มีเพียงล็อตเดียวที่ลดราคา 50% และกำลังจะหมดลงเร็ว ๆ นี้!

เมื่อคุณซื้อ Cardilite ไม่ใช่แค่การซื้อยารักษาความดันโลหิตสูงเท่านั้น แต่คือการซื้อสุขภาพที่ดี หัวใจและหลอดเลือดที่แข็งแรง รวมถึงความดันโลหิตที่เป็นปกติ คุณจะมีชีวิตที่สุขภาพดีขึ้น และลืมไปเลยกับอาการรบกวนและความเหนื่อยล้า!

เงื่อนไขในการรับผลิตภัณฑ์ Cardilite ในราคาพิเศษ:

  • ต้องมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย เฉพาะพลเมืองไทยเท่านั้นที่สามารถรับผลิตภัณฑ์ในราคาขั้นต่ำได้ Cardilite จะไม่จัดส่งไปต่างประเทศ
  • สำหรับใช้ส่วนบุคคลเท่านั้น ข้อนี้มีไว้เพื่อป้องกันตัวแทนที่พยายามซื้อ Cardilite จำนวนมากไปขายต่อในราคาที่บวกกำไรสูงถึง 500–1000%
  • การขอรับผลิตภัณฑ์ต้องทำผ่านหน้านี้เท่านั้นข้อมูลจะถูกส่งตรงถึงผู้ผลิต การส่งคำขอผ่านหน้านี้จะเป็นการรับประกันราคาจากผู้ผลิตโดยตรง

พิเศษสำหรับผู้อ่านของเรา!
เราได้เผยแพร่ลิงก์ตรงสำหรับขอรับผลิตภัณฑ์ Cardilite พร้อมส่วนลด 50%

สำคัญมาก!
ขณะนี้ สถาบันโรคหัวใจและหลอดเลือดแห่งกรุงเทพฯ
เหลือ เพียง 44 กล่อง จากล็อตแรกของ Cardilite ที่ได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดิน

จำนวนที่เหลือจะถูกจัดสรรให้กับผู้ที่สนใจทั้งหมดภายในวัน {today}  เท่านั้น!

1,980 บาท /ชิ้น 

สั่งซื้อ
พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ

*ข้อมูลส่วนตัวของคุณจะได้รับการปกปิดเป็นความลับเท่านั้น

ส่วนลด50%
เมื่อซื้อ Cardilite

00
00
00
00

ส่วนลดใช้ได้จนถึง

990 บาท

/ชิ้น

ค้นหาแพทย์
บริการ
ค้นหาแพทย์
ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง
แพ็กเกจ
มาตรฐานการรักษา
ข้อมูลสำหรับการใช้บริการ
ห้องพักผู้ป่วย
ข้อมูลการเข้ารับบริการผู้ป่วยใน
บริษัทคู่สัญญา
สิ่งอำนวยความสะดวก
คำถามที่พบบ่อย
สาระสุขภาพ
เกี่ยวกับเรา
ความเป็นมา
กิจกรรมเพื่อสังคม
รางวัลและการรับรอง
ร่วมงานกับเรา
ติดต่อเรา
ศูนย์รักษาโรคเฉพาะทาง
รถไฟฟ้า
 เรือด่วน
รถโดยสาร
แผนที่การเดินทาง
ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใช่ยาและไม่มีผลทดแทนยา
สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 
Terms & Conditions | Privacy Policy | Feedback
]